รองหัวหน้า พปชร. แนะรัฐบาลเลิกคุยกับกัมพูชาทุกเวที ซัดกลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ หนุนฟ้องสหประชาชาติ ประชาคมโลก ให้เห็นพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่แค่แจ้งอเมริกา-มาเลเซีย บอกใจดีกับเสือ สักวันอาจถูกเสือกัดตาย ชื่นชมนายกฯ มอบการตัดสินใจให้กองทัพ ลั่น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รบเป็นรบ
วันนี้ (12 พ.ย.) นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทหารไทยเดินลาดตระเวนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วเหยียบกับระเบิดจนขาขาดอีกแล้วว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัวในฐานะที่ตนติดตามเรื่องนี้มาตลอด เคยพูดแล้วว่าเขมรเชื่อถือไม่ได้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว ตนเคยเสนอให้ยกเลิกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวที JBC GBC หรือ RBC ซึ่งรัฐมนตรีที่ไปเจรจาในอดีตและมีข้อตกลงกลับมา 13 ข้อ ก็คือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งตอนนั้น ตนก็บอกแล้วว่าให้ยกเลิกให้หมด เพราะเขมรไม่มีความจริงใจ เมื่อเขาไม่มีความจริงใจ อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะต่างฝ่ายต่างอยู่ เราก็กั้นรั้วแบบถาวรไป โดยใช้แผนที่ 1/50,000 ยึดหลักเขตตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพราะในหลักเขตจะมีสลักชื่ออยู่แล้วว่าเป็นแผ่นดินสยาม หรือกัมพูชา ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นเราสามารถสร้างกำแพงในหลักเขตของเราได้เลย
นายสุรเดช กล่าวว่า เขมรต้องแสดงความจริงใจก่อน โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนัก ถอนกำลังทหารออกไปให้หมด ไม่ต้องรอการเจรจา ตอนนี้ไม่ต้องมาพูดแล้วว่าเป็นพื้นที่พิพาทหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเขมรละเมิดเรามาตลอด ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมาสนใจแล้ว
ส่วนด่านที่บริเวณชายแดนนั้น ในเมื่อความสัมพันธ์ 2 ประเทศย่ำแย่แบบนี้ ก็ควรจะปิดด่านแบบถาวรไปเลย
ส่วนคนไทยที่เคยค้าขายกับเขมรก็ต้องปรับตัว ไปหาตลาดอื่นต่อไป เพราะถ้าเขมรมีความจริงใจกับเราจริงๆ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการสู้รบกันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่จะต้องซ่อมให้เรา หรือการชดเชยให้ประชาชนที่เสียชีวิต
“อย่างที่ผมเคยพูดไว้ เขมรคบไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะ 2 พ่อลูก ฮุนเซน และ ฮุนมาเนต และตราบใดที่รัฐบาลไทยพยายามจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หรือยังพยายามที่จะใจดีสู้เสือ สักวันหนึ่งก็ต้องถูกเสือกัดตาย เราไปลูบหัวมัน ใจดีกับมัน แต่พอถึงเวลามันก็มาแว้งกัดเรา เพราะฉะนั้นเลิกเจรจา ยกเลิกทุกอย่างรวมไปถึง MOU 43-44 ด้วย เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว MOU ที่เราทำมา 25 ปี เราได้ไปประโยชน์ตรงไหนบ้าง กระทรวงการต่างประเทศซึ่งที่ผ่านมาแอกชันได้ดีอยู่แล้ว ก็อยากให้ขยายผลต่อ ด้วยการบอกทั้งโลก บอกสหประชาชาติ ให้รับรู้ถึงพฤติกรรมของเขมร ไม่ใช่บอกเฉพาะมาเลเซียหรือ อเมริกาที่เป็นประเทศที่ 3 เท่านั้น แต่ต้องแจ้งให้ทั้งประชาคมโลกได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม เขมรต่างหากที่เป็นคนเริ่มตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ทันได้เซ็นปฏิญญาสันติภาพ เขมรก็มาทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นจบเลยดีกว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และถ้าเขมรยังรุกรานอีก เราก็จะต้องตอบโต้ให้สมน้ำสมเนื้อ เราต้องใช้ไม้แข็งได้แล้ว ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลัง ใช้อาวุธ ก็ต้องใช้ ’
นายสุรเดช กล่าวด้วยว่า ขอชื่นชมการตัดสินใจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า จะมอบอำนาจการตัดสินใจให้กับกองทัพ การดำเนินการใดๆ ให้เป็นเรื่องของทหาร ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะทหารมียุทธศาสตร์ในการดำเนินการอยู่แล้ว มีประสบการณ์ และมีความพร้อม รัฐบาลทำหน้าที่เป็นเพียงแค่พี่เลี้ยงให้ก็พอแล้ว ตนขอสนับสนุนให้เดินหน้าต่อไป เพราะเรื่องนี้เรายอมต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเขมรยังคงลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด และยังรุกล้ำเข้ามาอีก เราก็จำเป็นต้องมีการปะทะ ดังนั้น ก็ปล่อยให้ทางทหารได้พิจารณาและตัดสินใจดำเนินการได้เลย


