“รังสิมันต์ โรม” เตือนรัฐบาลอย่าติดกับดักกัมพูชาใช้ “ทุ่นระเบิด” เบี่ยงประเด็นปราบสแกมเมอร์ จี้ “สีหศักดิ์” ต้องสื่อสารกับนานาชาติให้เร็ว อย่าปล่อยให้เขมรสร้างภาพเป็นเหยื่อว่าไทยรังแก เสนอเพิ่มเทคโนโลยี CCTV เสริมความปลอดภัยแนวชายแดน ลดความสูญเสียของทหาร
วันนี้ (12 พ.ย.) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศล้มปฏิญญาสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา มาถูกทางหรือไม่ หรือควรจะมีท่าทีเข้มมากกว่านี้ ว่า ตอนนี้เราต้องไม่ยอมให้กัมพูชาเบี่ยงเบนความสนใจ เพราะกัมพูชากำลังลดแรงเสียดทานเรื่องการปราบปรามเรื่องสแกมเมอร์ และเขาพยายามเอาเรื่องทุนระเบิดมาเบี่ยงเบนความสนใจของเรา เพราะสำหรับกัมพูชาการสูญเสียจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้เขาต้องให้ความสำคัญอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะสูญเสียทหารเท่าไหร่ก็ได้ ดังนั้น สำหรับเขาการสู้รบกันตามแนวชายแดนไม่มีปัญหา นี่คือ สิ่งที่กัมพูชาคิด
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า ถ้าจะเปิดปฏิบัติการเชิงรุกกับกัมพูชา ต้องทุบหม้อข้าวเขา คือ เรื่องสแกมเมอร์ ขณะเดียวกันในเรื่องทุ่นระเบิด เราก็ต้องมีมาตรการ คือ 1. ทางการต่างประเทศเราช้าไป อยากให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ต้องดำเนินการให้รวดเร็วกว่านี้ เรารู้ก่อนอยู่แล้ว เพราะคนของเราได้รับความสูญเสีย ผมคิดว่าต้องเร็ว และต้องสื่อสารกับทั่วโลกให้ชัดเจน และ 2. ด้านชายแดนเรามีเทคโนโลยีหลายอย่าง ไม่มีอะไรมาก เช่น CCTV เราลงทุนหน่อย ก็จะช่วยทำให้การปฏิบัติการของทหารในการลาดตระเวนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ว่าจนถึงตอนนี้เราขยับเรื่องนี้ช้าก็ไม่รู้ว่าติดอะไร
“ดังนั้น ผมคิดว่า เราสามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้ และไม่ปล่อยให้กัมพูชาใช้ความเป็นเหยื่อแล้วบอกกับทั่วโลกว่าเรารังแกเขา เราต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯให้ไฟเขียวทางการทหารปฏิบัติการได้ทันที นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องไปลงรายละเอียดว่าระดับไหน เพราะมีตั้งแต่ระดับเต็มรูปแบบ จนถึงแบบจำกัด ดังนั้น ตนขอคุยกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อนที่จะลงในรายละเอียดดีกว่า ไม่อยากให้การสื่อสารไม่มีความเป็นเอกภาพ


