“เทพมนตรี” ชี้ JBC ใช้ไลดาร์หาสันปันน้ำเพื่อปักปันเขตแดน เท่ากับว่า กำลังใช้อำนาจเหนือกรอบเดิม เตือนหากต้องยกพื้นที่ด้านหน้าจนถึงหน้าผาให้กัมพูชา เท่ากับตีความผิดพลาด ตั้งข้อสงสัยแนวคิดนี้มาจากใคร ต้องรับผิดชอบ
วันที่ 8 พ.ย. นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm แสดงความกังวลต่อแนวคิดการนำเทคโนโลยีไลดาร์ (LiDAR) มาใช้สำรวจเขตแดนและจัดทำเส้นสันปันน้ำใหม่ ในพื้นที่เทือกเขาดงรัก ช่วงตอน 6–7 ที่ระบุไว้ใน TOR ปี 2546
นายเทพมนตรีมองว่า แนวคิดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) กำลังใช้อำนาจเหนือกรอบเดิม และอาจตีความได้ว่ามีอำนาจเหนือบทบาทของพระมหากษัตริย์ ที่จะสินใจเรื่องพื้นที่ดินแดนได้ตามอำเภอใจ ขัดแย้งกับหลักการที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543
นายเทพมนตรีตั้งคำถามว่า หากใช้ไลดาร์เพื่อยึดแนวสันปันน้ำเป็นหลัก แล้วพื้นที่ด้านหน้าไปจนถึงสุดหน้าผา จะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของใคร และหากมีการมอบพื้นที่ส่วนหน้าไปให้กัมพูชาโดยไม่มีฐานความรู้รองรับ ย่อมเป็นการตีความที่ผิดพลาดและ “โง่เขลา” มั่นใจได้อย่างไรว่าทำแบบนั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง บรรทัดไหน หน้าไหนในอนุสัญญาที่เขียนถึง
พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าแนวคิดนี้มีที่มาจากใคร ใครเป็นผู้เสนอให้ใช้ไลดาร์ในกระบวนการนี้ ควรกล้าเปิดเผยตัวตนให้ชัดเจนเพื่อรับผิดชอบ
นายเทพมนตรีระบุว่า แม้ไลดาร์จะมีประโยชน์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีข้อจำกัด พร้อมย้ำว่าในทางประวัติศาสตร์ สยามและอินโดจีนฝรั่งเศสได้ปักปันเขตแดนกันจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเป็นความจริงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ
เขายังระบุว่า คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในประเด็นดังกล่าว ไทยยังคงมีข้อสงวนสิทธิ์ เนื่องจากไทยเห็นว่าคำตัดสินไม่เป็นธรรม พร้อมตั้งคำถามว่า ระหว่างคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญของไทย กับศาลโลก ควรเชื่อใครมากกว่า
ข้อความต้นฉบับในเฟซบุ๊ก >> Thepmontri Limpaphayorm


