“ณัฐพล” รมว.กห.เผยการจะปล่อยตัว 18 เชลยศึก ต้องบรรลุข้อตกลง 2 ใน 4 ข้อก่อน คาดข่าวบอกจะปล่อยตัว 12 พ.ย.เกิดจากกัมพูชารับปากจะเคลียร์ให้แล้วเสร็จภายใน 12 พ.ย.นี้ ย้ำไม่มีการเปิดด่าน จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงทั้งหมด ส่วนการทวงปราสาทตาควาย ขอทำข้อ 5 คือสร้างรั้วก่อน ค่อยตามเก็บรายละเอียด ดบ้ยปัญหาสะสมมานาน 15 ปี ต้องใช้เวลาแก้
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ ( 7 พ.ย.) พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงกระแสข่าวการปล่อย 18 เชลยศึกกัมพูชาวันที่ 12 พ.ย. นี้ ว่า จะต้องมีความชัดเจนใน 4 เงื่อนไข ข้อตกลง ไทย-กัมพูชา คือ การถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด แก้ปัญหาสแกมเมอร์ และบริหารจัดการชายแดน เบื้องต้นพูดคุยกันแล้วไม่สำเร็จ จึงย้อนมาวันที่ 23 ตุลาคม ในการประชุมจีบีซี ซึ่งเป็นการพูดคุยเรื่องเดิมแต่มีความคืบหน้า แต่รายละเอียด ต้องไปตกลงกันการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และ และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เช่น การถอนอาวุธจะถอนอย่างไร บ้านหนองจานบ้าน หนองหญ้า จังหวัดสระแก้ว จะทำอย่างไร ให้เจบีซี ไปคุย แต่ละเรื่องจะคุยกันในระดับหน่วยปฎิบัติในพื้นที่
ซึ่งเมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไปลงนาม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปล่วงหน้าและมีการพูดคุยกันเรื่องนี้กับกัมพูชาและประเทศที่เป็นพยาน อยากให้มีการปล่อยตัวเชลยศึก เพราะเป็นเรื่องมนุษยธรรมเก็บไว้ก็ไม่มีอะไร เราก็ได้มีการต่อรองว่าขอให้กัมพูชา ดำเนินการ 4 ข้อให้เป็นรูปธรรม พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่าคำว่า รูปธรรม ไม่ใช่ว่าจบ แต่หมายถึงสัญญาณที่เป็นรูปธรรมว่ากัมพูชาจริงใจกับไทย ภายหลังนายกรัฐมนตรีลงนามก็ได้ให้กองทัพไปคุยกัน ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานติดตามคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามเอกสารถ้อยแถลงผลการพบปะหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา หรือ คปถ. โดยมีเหล่าทัพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ไปพูดคุยกัน
ล่าสุดที่คุยกันมีข้อตกลงกันว่า การถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฟสแรกอยากให้ ทำให้สำเร็จแล้วจึงมาพูดคุยกันเรื่องปล่อยเชลยศึก โดยการเก็บกู้ทุนระเบิดเราเสนอไป 13 พื้นที่ แต่ล่าสุดในระดับพื้นที่พูดคุยกันต่อรองจนเหลือ 5 พื้นที่ ซึ่งกัมพูชาก็ยอม ให้เข้าไปเก็บกู้ใน 5 พื้นที่ โดยกัมพูชาก็ได้ตอบรับที่จะปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่ นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาลงนาม ส่วนวันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นการคาดการณ์ว่าน่าจะมีการปล่อยตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าวันที่ 12 ต้องปล่อย จะต้องมาดูอีกครั้งว่า ทำตามข้อตกลงในเฟสที่หนึ่งที่คุยกันไว้หรือไม่ จากเดิมซึ่งแผนที่วางไว้จะจบวันที่ 21 พฤศจิกายน แต่กัมพูชาบอกว่าจะทำให้เร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 10 ถึง 12 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการให้ข่าวจากกัมพูชา โดยทางกองทัพระบุว่าหากจบเร็วเราก็ปล่อยเร็ว เช่นกัน เราดูที่เงื่อนไข ไม่ได้ดูที่วันที่ ข่าวที่ออกมาเมื่อวานนี้ ตนเองก็ไม่ทราบว่ามาจากไหน ซึ่งการพูดคุยมีการคาดเดาเรื่องวันที่ แต่ข่าวที่ออกมากลายเป็นวันที่แทน
“ถ้าวันที่ 12 อาวุธหนัก ที่คุยกันในเฟสหนึ่งยังถอนไม่หมด คือจรวดหลายลำกล้อง และปืนใหญ่ระยะยิงไกล ถ้าไม่หมดเราก็ไม่ปล่อย การเก็บกู้ทุนระเบิดในห้าพื้นที่ที่รับปากไว้ ถ้าถึงเวลาเราเข้าเก็บไม่ได้เราก็ไม่ปล่อย 2 ข้อนี้คือรูปธรรม” พล.อ.ณัฐพลกล่าว
พลเอก ณัฐพล ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ว่า เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยไทยมีการตั้งศูนย์ปราบสแกมเมอร์ กรณีที่มีผู้เสียชีวิต กัมพูชาก็ให้ความร่วมมือ คอลเซนเตอร์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากเรื่องคอลเซนเตอร์ กัมพูชาให้ความสนใจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ให้ความร่วมมือดีขึ้นมาก ส่วนบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ก็ถือว่าเป็นรูปธรรมโดยจะมี 3 ขั้นตอน คือ เก็บกู้ทุ่นระเบิด แนวที่เราปักหมุดชั่วคราว เพราะการปักหมุดชั่วคราวจะดำเนินการเลยไม่ได้ ถ้ามีทุ่นระเบิด ซึ่งทางฝ่ายเราคาดว่า จะเก็บกู้เสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งเมื่อปักหมุดเสร็จจะเป็นสองแนว คือ แนวที่เรายึดถือ และแนวเขตที่กัมพูชาอ้าง เราตกลงกันในการประชุมจีบีซี เมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ระหว่างสองแนว โดยให้ เจบีซี ว่ากันต่อไป แต่ใต้แนวที่เขาเคลมต้องออก ซึ่งกัมพูชาก็ยอมรับข้อตกลงนี้ นี่คือความเป็นรูปธรรม ยืนยันการจะปล่อยเชลยศึก เป็นไปตามข้อตกลงสองข้อ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปพูดคุย และนายกรัฐมนตรีลงนามไว้
ดังนั้นจึงขอความกรุณาจากสื่อ ช่วยอธิบายกับสังคม บางทีเราก็ต้องปฏิบัติเหมือนประเทศที่มีวุฒิภาวะ และเป็นประเทศที่มีอารยะ ตนเองได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ เมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์ว่า ที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปแถลงที่ยูเอ็น เราได้รับเสียงปรบมือ แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว เราใช้วุฒิภาวะ เราจึงต้องแสดงตัวเป็นประเทศที่มีวุฒิภาวะ ประเทศอารยะ
“ตราบใดที่ผมอยู่ตรงนี้ยืนยันได้เลย เรื่องอธิปไตยเรายึดถือ ผลประโยชน์ของชาติอย่างแน่นอน โดยทำตามขั้นตอนแบบอารยะประเทศ“ พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ส่วนแนวทาง เรื่องปราสาทตาควาย จะทำอย่างไร พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ในขั้นต้น ขอทำตามข้อตกลง 5 ข้อ ที่เพิ่มมาคือเรื่องการสร้างรั้ว และเมื่อทำตาม 5 ข้อแล้วก็จะมาเก็บรายละเอียด เช่น ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา ทางชำราก พร้อมย้ำขอความเห็นใจ เหตุที่เกิดขึ้นสะสมมา 15 ปีแล้ว หลังปี 2554 ที่มีปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร แล้วกัมพูชาก็เตรียมการ สะสม รุกล้ำ มาเรื่อย ๆ รัฐบาลปัจจุบันโดยเฉพาะในส่วนกระทรวงกลาโหม ตนกำลังจะแก้ไขรายละเอียดเหล่านี้ ให้เวลาตนนิดนึง ถ้าทำเร็วจะไม่เรียบร้อย โดยย้ำว่าถ้าอยากจะทำให้เสร็จ 5 อย่าง และทำในเรื่องอื่น ๆ ต่อ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าต้องรอให้เสร็จ 5 อย่างหรือไม่ถึงจะมีการปล่อยตัวเชลยศึก พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ถ้ามีจังหวะก็จะทำเรื่องอื่นควบคู่กันไป ก่อนบอกว่า ต้องทำตามข้อตกลง 4 ข้อ แต่เราซีเรียสมากและให้หน่วยในพื้นที่คุยกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีการตั้ง คปถ. แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ลงนามซึ่งคณะนี้ตกลงกันไว้สองข้อหลัก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความสำคัญในข้อตกลง 3 และ 4 แต่ถ้าทำ 2 ข้อหลัก ไม่ทำตาม 3 และ 4 ก็ไม่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ หากดำเนินการตามข้อ 1 - 2 ก็จะปล่อยตัวเชลยศึกใช่หรือไม่ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ถูกต้องครับ แต่ยังเหลืออีกมาตรการที่เราจะไม่แตะ คือการเปิดด่าน โดยเราจะไม่แตะมาตรการนี้จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การจะเปิดด่านจะต้องทำตามห้าข้อใช่ พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า อาจจะรวมเรื่องอื่นด้วย พร้อมย้ำขอความเห็นใจจากสื่อ ตนไม่เคยได้ข่าวจากกัมพูชาเลยว่าเขาคิดอย่างไร แต่ท่านถามตนหมดเลยว่า ตนคิดอะไรอยู่ ต้องขออภัย แต่เข้าใจว่าสื่อจะต้องถามเพื่อนำไปเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจ แต่ขอให้เข้าใจตนนิดนึง ว่าเขารู้หมดว่าตนคิดอะไรอยู่ บอกไปเกือบครึ่งแล้ว


