ประธานรัฐสภาเชื่อกระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 แม้ กมธ.อาจพิจารณาไม่ทันกลางเดือนพฤศจิกายน เผยขั้นตอนวาระสองต้องเสร็จภายในปลายเดือนนี้ เพื่อให้ทันลงมติวาระสามต้นเดือนธันวาคม ย้ำอยากให้สภาชุดนี้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางสู่การทำประชามติ หากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องมีน้ำหนักพอจึงจะเกิดผลทางการเมือง
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ มี 2 เงื่อนไข คือ รัฐบาลต้องประสานมายังรัฐสภา และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ต้องพิจารณาให้จบในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ แต่ส่วนตัวเกรงว่าคณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาไม่เสร็จทันกลางเดือนนี้ แต่ตามที่คาดการณ์ น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนธันวาคม
ประธานรัฐสภา ยังกล่าวอีกว่า หากมีการเปิดการประชุมในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุม เพราะกรรมาธิการที่เป็น สส. บางส่วนส่วนเดินทางไปราชการต่างประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อการพิจารณาวาระที่สอง เสร็จสิ้นจำเป็นต้องรอ 15 วัน เพื่อลงมติวาระที่ 3 แต่ทั้งนี้กระบวนการในวาระที่ 2 ควรเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ และเมื่อมีการเปิดสมัยประชุมก็จะทันลงมติในวาระที่ 3 ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมด น่าจะเสร็จสิ้นก่อนปีใหม่
ประธานรัฐสภาระบุว่า อย่างน้อยที่สุด ตนอยากให้สภาฯ ชุดนี้ ผ่านการพิจารณารัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 เพื่อไปทำประชามติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ประการสำคัญที่สุด รัฐธรรมนูญจะผ่านการพิจารณาจากสภาได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการฯ จะต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งในรอบและนอกรอบ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ อาจมีการตัดสินใจยุบสภา ประธานรัฐสภาให้ความเห็นว่า อำนาจการยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถทำได้ตลอดเวลา ยกเว้นกรณีที่มีบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่วาระการประชุมแล้ว แต่ทั้งนี้กระบวนการยื่น อภิปรายไม่ไว้วางใจ ญัตติอาจไม่สมบูรณ์ก็ได้ เช่น มี สส.ลงชื่อไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้นแม้ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อประธาน สภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ยังยุบสภาได้ จนกว่าจะมีการบรรจุญัตติในวาระการประชุมสภา แต่ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่า หากไม่มีประเด็นปัญหา ที่จะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายก็จะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ


