เมืองไทย 360 องศา
หากจะพูดถึงพรรคการเมืองที่กำลังเติบโตเพิ่มขนาดอย่างน่าจับตาในเวลานี้ก็ต้องรวมเอา “พรรคกล้าธรรม” ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวเรือใหญ่ เข้าไปด้วย เพราะหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ จะเห็น “ดีล” ที่น่าสนใจตลอดเวลา
แน่นอนว่าหากพูดถึงพรรคกล้าธรรม อาจไม่ใช่เป็นลักษณะ “พรรคกระแส” แต่หากพูดถึง “ดีลบ้านใหญ่” แล้วพวกเขามีให้เห็นมาอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าที่ผ่านมากระแสวิพากษ์วิจารณ์จะมีมาอย่างหนักหน่วง แต่หากมองในพื้นที่จริงแล้ว ก็ต้องบอกว่า “ไม่สะเทือน” หรือทำให้กระแสต่อการไหลเข้ามาชะงักแต่อย่างใด
ล่าสุด มีรายงานข่าวเรื่อง “ดีลสำคัญ” จากกลุ่มที่เรียกว่า “เพื่อนเฉลิมชัย” จะไหลออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาสังกัดพรรคกล้าธรรม อีกชุด แม้ว่าระดับส.ส.อาจไม่ใช่จำนวนเยอะมาก แต่ก็ถือว่าเป็นระดับกลุ่มก้อน สามารถเพิ่มจำนวน ส.ส.เพิ่มขนาดให้กับพรรคในอนาคต สำหรับใช้ต่อรองทางการเมืองหลังการเลือกตั้งคราวหน้าได้อย่างแน่นอน
มีรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะมี สส.ประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่ม สส.ภาคกลางบางส่วนที่อยู่ในสังกัด “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย“ จะทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรวมกลุ่มย้ายไปเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะหุ้นส่วนร่วมพรรคที่จะทำให้พรรคกล้าธรรมใหญ่ขึ้น
โดย ส.ส.ที่คาดว่าจะย้าย อาทิ นายประมวล พงษ์ถาวราเดช ประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ นายมนตรี ปานน้อยนนท์ อดีต สส.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงกลุ่มสงขลาของนายเดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมครอบครัว และ พล.ต.อ.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา
ทั้งนี้จากการเจรจาเบื้องต้น กลุ่มนายเฉลิมชัย จะเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนในพรรคกล้าธรรม โดยเพิ่ม สส.ให้ ตั้งเป้าไว้ 20 เสียงเป็นอย่างน้อย เพื่อทำให้พรรคกล้าธรรมขยับพรรคขนาดกลางมาเป็นขนาดใหญ่
นอกจากนี้คาดว่า จะยังมี สส.พรรคประชาธิปัตย์อีกจำนวนหนึ่งทยอยลาออก เพื่อตามมาสังกัดพรรคกล้าธรรมในนามกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย”เพิ่มอีกด้วย
แน่นอนว่า ข่าวการย้ายพรรคของ “กลุ่มเฉลิมชัย-เดชอิศม์” จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามากล้าธรรมล่าสุด อาจไม่ใช่กระแสในทางบวกนัก แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าพวกเขาคือ “บ้านใหญ่” ในแต่ละพื้นที่ สามารถเพิ่มจำนวนส.ส.ได้อย่างแน่นอน มีเครือข่ายในกลุ่มจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากรายงานข้างต้นจะเห็นว่า การเข้ามาของ “กลุ่มเฉลิมชัย” ที่บอกว่าจะเป็น “หุ้นส่วน” นั้นลักษณะก็น่าจะเป็นแบบ “มุ้ง” แบ่งโควตาทางการเมือง ซึ่งใกล้เคียงกับพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังมี “บ้านใหญ่” และกลุ่มก๊วนทางการเมือง เข้ามาร่วมมากมาย และเชื่อว่าในอนาคตในช่วงใกล้ยุบสภา พรรคการเมืองเหล่านี้จะมี “ไหลเข้า” มาเพิ่มอีกจำนวนมาก เนื่องจากเวลานี้ยังติดขัดในเรื่องสมาชิกภาพส.ส. นั่นเอง
วกมาโฟกัสที่พรรคกล้าธรรม เวลานี้กำลังถูกแรงกระแทกอย่างหนัก ทั้งจากสังคม และบางพรรคการเมือง อย่างพรรคประชาชน หรือ “พรรคส้ม” เป้าหมายมุ่งถล่มระดับแกนนำ แต่ก็น่าแปลกที่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เหมือนกับว่า “กระแสเริ่มวกกลับ” และกลายเป็นว่าเริ่มมีความเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายเสียเอง
กรณี นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรคกล้าธรรม โพสต์ภาพแชตหลุดของ นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.กทม. พรรคประชาชน ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความว่า
“ปั่นไม่ปั่นครับ รักชนก ศรีนอก มันเป็นกระบวนการ ทำเพื่อคะแนนเสียงของพรรค หรือสู้เพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนกันแน่.”
เนื้อหาในแชตเป็นการสนทนาในกลุ่มสมาชิกพรรคประชาชน โดย “ไอซ์ รักชนก” ระบุว่า “เพื่อนๆ ตอนนี้ใครตามอะไรอยู่บ้าง ควรใช้จังหวะนี้ในการเล่นข่าวนะ เพราะมันจะทิ่มไปที่เดียวกันคือ ธมน.”
ขณะเดียวกัน ยังมีการแฉข้อมูลเรื่องที่พรรคประชาชนออกเงินให้ชาวบ้านมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค และการที่ผู้ช่วย ส.ส.บริจาคเงินเดือนให้พรรคนั้น มีความสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความอธิบาย ว่า
เรื่องนัวเนียมากมายเกี่ยวกับเงินของพรรคการเมือง ข่าวซัดกันไปมา เรื่องเงินค่าสมัครสมาชิก เงินผู้ช่วย สส. บริจาคเข้าพรรค อะไรเป็นเรื่องที่ทำได้ ทำไม่ได้
1. เงินสมัครสมาชิกพรรค คนของพรรคออกให้แทนประชาชนได้หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิกรายปี ๆละ 20 บาท หรือตลอดชีพ 200 บาท เพราะถือเป็นการเสนอให้เงิน เพื่อจูงใจให้เป็นสมาชิกพรรค แม้ 20 บาทก็ผิดพ.ร.ป.พรรคการเมือง
2. เงินเดือนผู้ช่วย สส. บริจาคให้พรรคหมด ทำได้หรือไม่
คำตอบ คือ ทำได้ แต่ต้องเป็นช่องทางที่เปิดเผย และแสดงในบัญชีการเงินของพรรคในรายการเงินบริจาค ที่รายงานต่อ กกต. ทุกเดือนด้วย หากบริจาคแต่ไม่ปรากฏในบัญชี ก็ถือว่า พรรคมีความผิด
3. ทั้งสองกรณีหากมีความผิดมีบทลงโทษอย่างไร
คำตอบ เป็นความผิดทางอาญา ที่ กกต. สามารถเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องได้ แต่ไม่ถึงขนาดยุบพรรค ยกเว้นในกรณีการบริจาคมีการพิสูจน์ว่า เงินที่บริจาค เป็นเงินที่ได้มาโดยรู้หรือสมควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย สรุป ตั้งพรรคน่ะง่าย แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหา นี่เป็นกติกา ไม่ใช่นิติสงคราม
เรียกว่างานนี้ กำลังย้อนศรกลับมาที่พรรคประชาชน เพราะถือว่านี่เป็นเรื่องทำผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายพรรคการเมือง ที่ต้องทำตามระเบียบ ที่หยวนๆกันไม่ได้
หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของพรรคกล้าธรรม เวลานี้ถือว่าน่าจับตาทีเดียว ทั้งในเรื่องแนวโน้มของการเพิ่มขนาดในการเลือกตั้งครั้งหน้า จากการที่มีบรรดา “บ้านใหญ่” กลุ่มมุ้งการเมืองเข้ามาร่วม ทำให้ถูกมองว่ากำลังกลายเป็นพรรคขนาดกลางเป็น “ตัวแปร” หลังการเลือกตั้ง หรืออีกด้านหนึ่งแม้แต่การยืนซดกับกระแส “เทาๆ” พวกเขาก็สามารถยืนโต้ได้แบบถึงน้ำถึงเนื้อ และเปิดหลักฐานย้อนกลับจนเวลานี้ “ส้ม” ต้องตีกรรเชียงหนีพัลวัน เพราะงานนี้กลายเป็นความเสี่ยงทำผิดกฎหมายเข้าอย่างจัง !!


