xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลยันปรับจับจริง ร้านคนละครึ่งพลัสฉวยโอกาสขายสินค้าราคาสูง พร้อมแนะช่องทางแจ้งเบาะแส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกรัฐบาล เผย ปรับ-จับ จริง ร้านค้าโครงการคนละครึ่งพลัส ฉวยโอกาสขายสินค้าราคาสูง หลังพาณิชย์เข้มลงพื้นที่ตรวจสอบต่อเนื่อง เตือน “ร้านค้า” เตือนแล้วเตือนอีก อย่าทำ แนะช่องทางแจ้งเบาะแสหากพบพฤติกรรมฉ้อโกง

วันนี้ (5 พ.ย.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อย่างต่อเนื่อง ของกระทรวงพาณิชย์ ตามข้อสั่งการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พบว่า ยังมีร้านค้าทีเข้าร่วมโครงการทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ทำการตักเตือน และดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย พร้อมทั้งอธิบายเพื่อทำความเข้าใจ ไม่ให้ร้านค้าเข้าใจผิดจนนำไปสู่การเปรียบเทียบปรับถูกดำเนินการตามกฎหมาย

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูล กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการของร้านค้าแล้วเป็นจำนวน 55 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) เนื่องจากมีพฤติการณ์รับแลกเงินและสแกนรับเงินห่างจุดขายแบบผิดปกติ โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการเอาผิดกับร้านค้าที่ทุจริตในโครงการอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งจะดำเนินการเรียกเงินคืนจากร้านค้าเต็มจำนวนตามที่รัฐได้โอนให้แก่ร้านค้าและดำเนินคดีต่อไป สำหรับข้อมูลร้านค้าและการใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส ณ เวลา 23.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน พบว่า ยอดใช้จ่ายทะลุ 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนใช้จ่าย 7,968.09 ล้านบาท และเงินที่รัฐบาลร่วมจ่าย 7,773.96 ล้านบาท รวมเป็น 15,742.05 ล้านบาท ขณะที่ร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วรวม ทั้งสิ้น 845,192 ราย

นายสิริพงศ์ แนะ ช่องทางแจ้งเบาะแส หากพบพฤติกรรมฉ้อโกงคนละครึ่งพลัส ให้แจ้งเบาะแสผ่านช่องทาง ดังนี้

1. แจ้งเบาะแสการทุจริต-ร้องเรียน : ส่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลติดต่อกลับของผู้แจ้งเบาะแส พร้อมหลักฐานประกอบที่เกี่ยวข้อง (เช่น ชื่อและที่ตั้งร้านค้า เป็นต้น) มายังช่องทาง ได้แก่ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ halfhalfplus_cc@fpo.go.th ไปรษณีย์ลงทะเบียน ที่อยู่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
ทั้งนี้ ขอรับรองว่า ข้อมูลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อท่าน
2. ธนาคารกรุงไทย ที่หมายเลข 02-111-1111 ซึ่งสามารถโทร.ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้ง “อายัดร้านถุงเงิน” ที่ทุจริตโดยตรง
3. ตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือแจ้งความออนไลน์ที่ thaipoliceonline.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับโพสต์, บัญชีเฟซบุ๊ก หรือบัญชีโอนเงินที่ใช้ในการหลอกขายสิทธิ
4. ศูนย์บริการภาครัฐ โทร. 1111 หรือยื่นเรื่องผ่านเว็บไซต์ 1111.go.th เพื่อให้มีการลงรับเรื่องอย่างเป็นทางการ ทำให้สามารถใช้ติดตามความคืบหน้าได้
5. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โทร. 1166 หากพบการ “คิดค่าธรรมเนียม” หรือ “ตัดเปอร์เซ็นต์” ที่เข้าข่ายการเอาเปรียบผู้บริโภค
6. สายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
7. สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน ส่งข้อมูลมาพร้อมหลักฐาน โดยขอให้ระบุสถานที่ตั้งของร้านค้า และพฤติการณ์การจำหน่ายสินค้า ที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย เพื่อกรมจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น