xs
xsm
sm
md
lg

สมอ.-กรมโรงงานอุตฯ แจงถอนอายัดเหล็กซิน เคอ หยวน กมธ.แนะเปลี่ยนเป็น EF “ชุติพงศ์” ห่วงรู้ผลก่อนกลับมาเปิดไร้การปรับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สมอ.- กรมโรงงานอุตฯ” เข้าแจง กมธ.อุตฯ ปมถอนอายัดเหล็ก “ซิน เคอ หยวน” ล็อต 2 ด้าน กมธ.เสนอให้เปลี่ยนระบบผลิตเหล็กเป็นแบบ EF แทน IF จ่อแจ้ง “ธนกร” ไม่ต้องตั้ง คกก.ศึกษาแล้ว “ชุติพงศ์” ห่วง “ซิน เคอ หยวน” คัมแบ็กเปิด รง. ทั้งที่ยังไม่ปรับการผลิต พบสัญญาณร้านเศษเหล็กเริ่มรับออเดอร์ล่วงหน้า หวั่นรู้ผลก่อน

วันนี้ (5 พ.ย.) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับบริษัท ซิน เคอ หยวน เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการถอนอายัดเหล็ก ที่ก่อนหน้านี้มีการอายัดภายหลังตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (หลังใหม่) ถล่ม โดยได้เชิญหน่วยงานเข้ามาชี้แจง 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยมีเลขาธิการ สมอ. มาชี้แจงด้วยตัวเอง และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีรองอธิบดีกรมฯ เข้ามาชี้แจง ซึ่งวันนี้ กมธ. ได้เชิญผู้บริหารซิน เคอ หยวน มาด้วย แต่ไม่มา จึงมีการพิจารณาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ 2 หน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงวันนี้

นายอัครเดช กล่าวถึงประเด็นแรก คือ เรื่องการถอนอายัดเหล็กของบริษัท ซิน เคอ หยวน ซึ่งมีการอายัดไปจำนวน 2 ล็อต ล็อตแรกจำนวน 2,000 กว่าเส้น ซึ่งได้มีการดำเนินคดีไปในล็อตดังกล่าวไม่ได้ถอนอายัด แต่ล็อตที่ 2 ที่ถูกตรวจสอบและอายัด เจ้าหน้าที่ใช้คำว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่าน่าจะมีผลต่อคุณภาพเหล็กที่กองอยู่ประมาณ 4 หมื่นกว่าเส้น จึงได้นำส่งไปตรวจสอบ ตั้งแต่ช่วงที่ตึก สตง. ถล่ม เมื่อประมาณวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งล็อตที่ 2 นี้ได้มีการตรวจสอบและเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกับ กมธ.ว่า ภายหลังได้ส่งเหล็กดังกล่าว โดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบแล้วทั้งกายภาพและเคมี ผลออกมาคือผ่านมาตรฐาน เจ้าหน้าที่จึงมีการถอนอายัดให้กับบริษัทซิน เคอ หยวน ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของฝุ่นแดง ที่เป็นวัตถุอันตรายจะต้องควบคุมตามกฎหมาย ซึ่งฝุ่นแดงดังกล่าวจำนวนหลายหมื่นตัน ได้ถูกอายัดไว้โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะนี้ได้นำฝุ่นแดงดังกล่าวไปตรวจวิเคราะห์ มีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกันหรือไม่ หากไม่เหมือนกันเจ้าหน้าที่สงสัยว่าอาจมีการลักลอบนำเข้ามา แต่ กมธ. มีความเห็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างพิสูจน์ยาก เนื่องจากฝุ่นแดงที่นำไปวิเคราะห์ทางเคมี ที่อยู่ในเครื่องจักรกับที่กองอยู่มีส่วนประกอบทางเคมีแตกต่างกันอย่างไร จะชี้ชัดได้ค่อนข้างยากลำบากว่าเป็นการลักลอบนำเข้าหรือไม่ ทาง กมธ. จึงมีความเห็นว่าควรไปตรวจสอบ ว่าฝุ่นแดงที่มีอยู่มาจากกระบวนการผลิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ของบริษัท ซิน เคอ หยวน ตรงตามยอดการผลิตจริงหรือไม่ ซึ่งมองว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถดำเนินคดีกับบริษัทซิน เคอ หยวน ได้หากมีการลักลอบจริง เรื่องนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของดีเอสไอ

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ 3 การที่บริษัท ซิน เคอ หยวน ได้ยื่นคำร้องจะขอกลับมาประกอบกิจการการผลิตเหมือนเดิม เรื่องนี้เจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจสอบกระบวนการผลิตว่าได้มีการดำเนินการควบคุมคุณภาพ ในส่วนของมลภาวะของกระบวนการผลิต (Production line) เป็นไปตามกฎหมายมาตรา 39 หรือไม่ เนื่องจากในอดีตเจ้าหน้าที่ได้สั่งหยุดประกอบกิจการโรงงาน และให้มีการปรับปรุงที่เกี่ยวกับการควบคุมมลภาวะ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบและจะเปิดให้บริการ ซึ่งเรื่องนี้ กมธ. มีความเห็นว่าจะเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งตรวจสอบร่วมกับกรมควบคุมมลพิษด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการกลับมาประกอบกิจการอีกครั้ง ทั้งหมดนี้คือส่วนของโรงงานแต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนมีความห่วงใยว่า เหล็กจะมีคุณภาพหรือไม่ เหล็กจะมีคุณภาพตามมาตรฐานหรือไม่ จะมีการแปรผันในบางล็อตได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เลขาธิการสมอ. ได้ชี้แจงว่า หากกลับมาผลิตจริงจะส่งเจ้าหน้าที่ สมอ.ไปตรวจ QC ด้วย เพื่อตรวจสอบว่าบริษัท ซิน เคอ หยวน ได้ดำเนินการตามที่เคยชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกับ สมอ. หรือไม่ และจะมีการสุ่มตัวอย่างจากในโรงงานมาตรวจสอบว่าได้คุณภาพหรือไม่ อีกทั้งจะมีการเข้าไปสุ่มตัวอย่างจากท้องตลาด เนื่องจากหากนำตัวอย่างจากในโรงงานมาตรวจสอบอาจจะมีการนำมาเฉพาะส่วนดี และส่วนไม่ดีอาจจะมีการเล็ดลอดออกไปได้ จึงต้องไปสุ่มตามท้องตลาดด้วย เพื่อมาตรวจสอบอย่างเข้มข้น ในขณะที่เรื่องของกำลังคน เลขาธิการสมอ. ยืนยันว่ากำลังพลพร้อมที่จะปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า เหล็กที่ผลิตออกมาจากบริษัทซิน เคอ หยวน จะต้องมีคุณภาพเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

นายอัครเดช กล่าวว่า อีกประเด็นที่ประชาชนมีข้อห่วงใยซึ่งจะมีการทำบันทึกไปถึง นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงกระบวนการผลิตที่มีข้อถกเถียง ระหว่างการผลิตแบบ Induction Furnace (IF) และแบบ Electric Arc Furnace (EF) ซึ่ง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม เคยมีความตั้งใจว่าจะยกเลิกการผลิตแบบ IF เนื่องจากกระบวนการผลิตแบบดังกล่าวจะไม่ค่อยได้มาตรฐานอุตสาหกรรมหรือไม่ค่อยมีคุณภาพ อีกทั้งกระบวนการผลิตแบบ IF ยังสร้างมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่ง กมธ. เห็นควรว่าควรมีการยกเลิกการผลิตแบบ IF โดยให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัวในการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตแบบ IF มาเป็นแบบ EF ซึ่งจะส่งผลต่อมลภาวะน้อยและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนกับ IF และเตาของ EF แบบใหม่ จะมีเตาปรุงน้ำเหล็ก ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของเหล็กได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่า จึงขอเรียกร้องไปยังนายธนกร ว่า ไม่อยากให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาเรื่องนี้แล้ว ว่าควรจะยกเลิกแบบ IF หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา กมธ.อุตสาหกรรม และนายเอกนัฏเคยมีความเห็นร่วมกันว่าควรจะต้องหยุดการผลิตเหล็กแบบ IF ภายในประเทศไทย แต่ต้องมีเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว ดังนั้น หากยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องดังกล่าวจะทำให้สมอ. ไม่สามารถกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือแนวทางตรวจสอบเหล็ก ให้สอดคล้องกับกระบวนการผลิตสมัยใหม่แบบ EF ได้

จากนั้น นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ที่ได้นั่งฟังการแถลงข่าว ได้ถามย้ำถึงบริษัท ซิน เคอ หยวน ที่กำลังเดินหน้ากลับมาเปิดกิจการการผลิตด้วยเตาแบบ IF แต่ กมธ. เห็นว่า ควรต้องเปลี่ยนเป็นแบบ EF ก่อนใช่หรือไม่ นายอัครเดช ยอมรับว่า ใช่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนที่จะให้บริษัท ซิน เคอ หยวน กลับมาประกอบกิจการการผลิตเหมือนเดิม โดยใช้รูปแบบการผลิตเดิม คือ แบบ IF ซึ่ง กมธ. มีข้อห่วงใยในเรื่องของคุณภาพและการควบคุมมลภาวะ ซึ่งเรื่องมลภาวะจะมีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกันทั้งกมธ. สมอ. และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสว่าบริษัท ซิน เคอ หยวน ได้มีการปรับปรุงการผลิตให้เป็นไปตามกฎหมายตามมาตรา 39 แล้วหรือไม่ ซึ่งหากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจึงจะอนุญาตให้กลับมาผลิตได้ และเมื่อผลิตเสร็จ สมอ. จะต้องมาตรวจ QC เพื่อควบคุมคุณภาพก่อนออกสู่ท้องตลาดอย่างเข้มงวด

นายชุติพงศ์ ได้ถามถึงคดีความของบริษัท ซิน เคอ หยวน ที่ถูกฟ้องร้องกว่าพันคดี จะเป็นข้อกังวลของกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณาให้กลับมาเปิดกิจการหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า พันกว่าคดี มีทั้งคดีที่เกี่ยวกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมที่ได้อายัดก็ดำเนินคดีไป ส่วนใดที่ถอนอายัดก็ถอนไป ขณะที่เรื่องของฝุ่นแดงคดีก็ยังอยู่ในชั้นของดีเอสไอ และยังอยู่ในช่วงของการอายัดอยู่ ยังไม่มีการถอนอายัดแต่อย่างใด ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหยุดประกอบกิจการโรงงานตามมาตรา 39 ก็ได้ให้มีการปรับปรุงไปแล้ว หากเป็นไปตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ก็ไม่สามารถให้กลับมา เริ่มกระบวนการผลิตได้เหมือนเดิม

นายชุติพงศ์ ทิ้งท้ายว่า รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ร่วมเข้าประชุม กมธ.ด้วย เนื่องจากปิดประชุม กมธ. ของตนเอง แต่ได้รับทราบจากร้านขายเศษเหล็ก และร้านรวมเศษเหล็กในพื้นที่ภาคตะวันออก ว่า เริ่มมีออเดอร์โทร.สั่งจากบริษัท ซิน เคอ หยวน แล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้มีคำสั่งให้กลับมาประกอบกิจการราวกับว่ารู้ผลล่วงหน้า ทั้งที่ยังไม่มีเข้าไปตรวจ จึงรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวเข้าไปให้ที่ประชุม กมธ. ในวันนี้ จึงขออนุญาตให้เป็นข้อมูลและเบาะแสว่าร้านเศษเหล็ก เตรียมส่งออเดอร์ให้กับบริษัท ซิน เคอ หยวน แล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการอนุญาตให้เปิดแต่อย่างใด จึงเป็นข้อพิรุธหนึ่งข้อที่ขอมอบให้กับ กมธ. นำไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดย นายอัครเดช ยอมรับว่า ข้อห่วงใยดังกล่าวเป็นข้อห่วงใยเดียวกับ กมธ. ซึ่งตนได้แจ้งกับ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรม ว่า หากจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบวันใดให้แจ้งทาง กมธ. มาด้วย จึงอยากให้มั่นใจว่าก่อนที่บริษัทซิน เคอ หยวน จะกลับมาผลิตได้ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และเคร่งครัด และที่สำคัญเหล็กต้องมีคุณภาพ หากตรวจพบเจอว่าไม่มีคุณภาพ เจ้าหน้าที่สมอ. ก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายชุติพงศ์ ได้เดินมาหานายอัครเดช พร้อมแจ้งว่า เขามั่นใจ ได้กลับมาเปิดแน่ทันทีที่เป็นรัฐมนตรี และเหมือนรู้ล่วงหน้าว่าการตรวจสอบครั้งนี้อย่างไรก็ผ่าน เพราะเท่าที่ตนรู้เขาไม่ได้ปรับอะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น