ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ส้มปั่น มีเรา ไม่มีเทา เจอสวน “มีส้มเป็นสีดำ” ไผ่ ตอกหน้างัดหลักฐานโชว์!
หลังจากพรรคประชาชน ทั้ง “ไอซ์-รักชนก ศรีนอก” และ “รังสิมันต์ โรม” ตีเกราะเคาะปิ๊บ ในท่วงทำนอง “มีเรา ไม่มีเทา” โดยโหนกระแสสแกมเมอร์ ซึ่งเป้าหมายเพื่อเตะสกัด “ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรฯ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม
ความเคลื่อนไหวล่าสุด พรรคกล้าธรรมไม่ยอมเป็นเป้านิ่ง โดย “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก รัวๆ ระบุว่า…แบบนี้ที่เรียกว่าหลักฐานและพยาน ใช่ไหมครับ เชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับ เครือข่ายพรรคประชาชนทั่วประเทศ
ลงท้ายโพสต์ด้วย แฮชแท็ก เจ็บแสบว่า “#มีส้ม เป็นสีดำ” เรียกว่าสวน “มีเรา ไม่มีเทา” เต็มๆ
ในหนังสือเอกสารที่ “ไผ่ ลิกค์” นำมาเปิดเผย เป็นบันทึกที่เขียนด้วยลายมือของอดีตตัวแทนพรรคประชาชน ระดับอำเภอ ในตำแหน่ง “ผู้ช่วย สส.” ที่ได้แจ้งการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และเหตุผลที่ลาออก เพราะทนเห็นความไม่โปร่งใสของกระบวนการภายในพรรคประชาชนไม่ได้ พร้อมระบุว่า “ได้รับเงินเดือนในตำแหน่งผู้ช่วย สส. แต่ต้องโดนคืนให้กับจังหวัด ไม่ได้ใช้เงินดังกล่าวจริง ก่อนที่จะลาออก โดยได้รับเงินเดือน เดือนละ 2,000 บาท แต่ไม่ได้ใช้ส่วนตัว จังหวัดมหาสารคาม พรรคประชาชน ให้นำไปจ่ายเป็นค่าสมัครสมาชิกพรรคให้กับคนที่ไปสมัครสมาชิกแทน”
ก่อนหน้านี้ “ไผ่ ลิกค์” ได้โพสต์อีก กรณี ว่า “เอาเงินผู้ช่วยสส. ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ผิดนะครับ แล้วเอาแค่ชื่อมาเป็นผู้ช่วย สส. และไม่ให้ทำงาน เรียกบัญชีม้านะครับ แบบนี้เค้าเรียกหลักฐาน และยังมีอีกนะครับ คำสารภาพของเจ้าของบัญชี"
เนื้อหาในเอกสาร เป็นเรื่องที่มีผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคประชาชน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการปกปิดแหล่งที่มาของเงินบริจาค ด้วยวิธีการจ่ายเป็นเงินค่าสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งอาจถือเป็นการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
บันเทิงละสิ งานนี้ เพราะ โพสต์ของ “ไผ่ ลิกค์” แพร่ไปทั่วโลกโซเชียลฯ จน “ศรายุทธิ์ ใจหลัก” เลขาธิการพรรคประชาชน ออกมาอ้อมแอ้มว่า ต้องดูในสิ่งที่ “ไผ่” นำเสนอ โดยพรรคไม่มีนโยบายแบบนั้นอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการเอาเงินไปซื้อสมาชิกพรรค เพราะไม่เห็นความจำเป็นว่า ทำไมจะต้องไปเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรค ที่ผ่านมาพรรคอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผู้สมัครได้ครบอยู่แล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกที่เปิดพรรคประชาชน ด้วยซ้ำ
“ ศรายุทธิ์” ยังว่า ตอนเปิดตัวพรรคแค่เดือนเดียว ก็มีสมาชิกครบถ้วนแล้ว
ฟังๆ ดูแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอบตรงคำถามของพรรคกล้าธรรม หรือไม่
ที่แน่ๆ ชาวเน็ตที่เห็นเอกสารดังกล่าวนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน นี่แหละเขาเรียก “บัญชีม้า” และพรรคส้มกลายเป็น “พรรคบัญชีม้า” หรือเปล่า ?
ถ้าหลักฐานชัดอย่างที่ “ไผ่ ลิกค์” พูด คราวนี้ไม่ใช่แค่พรรคส้มปั่นจะเสียภาพลักษณ์…แต่ทั้งพรรค อาจเจอยุบพรรค!?..มีเรา ไม่มีเทา หนักเลยงานนี้
++ เมื่อ “อภิสิทธิ์” มา “เฉลิมชัย” ก็ต้องไป
หลังจาก “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับแรงสนับสนุนให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง บรรดา “ศิษย์เก่า” ที่ก่อนหน้านี้ได้ลาออกจากพรรคไปแล้ว ก็หวนกลับมา หวังจะช่วยกันปฏิบัติภารกิจกอบกู้พรรค
เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่า ต้อต้านเผด็จการ ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน ทุกรูปแบบนั้น ถูกเก็บเข่าลิ้นชัก แล้วยึดเอาผลประโยชน์เป็นหลัก จนพรรคตกต่ำถึงขีดสุด โดยเฉพาะในยุคที่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรค และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นเลขาธิการพรรค
หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เห็นทีว่าจะมีโอกาสเป็น “พรรคต่ำสิบ” ค่อนข้างสูง บรรดา“ติ่งสีฟ้า”ล้วนแต่คิดกันอย่างนี้
“เฉลิมชัย” จึงยื่นลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยอ้างปัญหาด้านสุขภาพ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ จะทำให้พรรคเกิดความเสียหาย จึงขอลาออกให้มีผลตั้งแต่วันที่12 ก.ย.68
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา “เฉลิมชัย” ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ต่อ กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะอาจจะพอมองเห็นแล้วว่า ถ้าอยู่ประชาธิปัตย์ต่อไป คงไม่ได้เป็นสส.แน่ เพราะตามธรรมเนียมของประชาธิปัตย์ จะมีการเรียงลำดับ สส.บัญชีรายชื่อ จากหัวหน้าพรรค และ อดีตหัวหน้าพรรค อยู่ในลำดับต้นๆ ถือเป็นการให้เกียรติกัน
แค่นี้ก็พอจะเห็นแล้วว่า ลำดับที่ 1.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2. ชวน หลีกภัย 3. บัญญัติ บรรทัดฐาน 4. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 5. เฉลิมชัย ศรีอ่อน
แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ จะเพียงพอให้บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 ได้เป็น สส.หรือ?
“เฉลิมชัย” จึงเบนเข็ม มุ่งหน้าไปพรรคกล้าธรรม ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
เชื่อว่า สส.ประจวบคีรีขันธ์ และ สส.ภาคกลางบางส่วน ที่อยู่ในกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย” ก็จะทยอยลาออกตามไปด้วย อย่างเช่น “ประมวล พงษ์ถาวราเดช” ประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ “จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์” สส.ประจวบคีรีขันธ์ “มนตรี ปานน้อยนนท์” อดีต สส.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึง “กลุ่มสงขลา” ของ “เดชอิศม์ ขาวทอง” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมครอบครัว และ “พ.ต.อ.สุรินทร์ ปาลาเร่” สส.สงขลา
ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้คราวนี้ คงมีการชิงเก้าอี้ สส.กันดุเดือดแน่ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม พรรคประชาชาติ รวมทั้งพรรคประชาชน ด้วย
ไม่เพียง “เฉลิมชัย”เท่านั้นที่ลาออก “รัชดา ธนาดิเรก” สส.กรุงเทพ 2 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ อดีตทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ลาออก ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยแล้วเช่นกัน
โดยที่ประชุม ครม.วานนี้ (4พ.ย.) ได้แต่งตั้ง “รัชดา ธนาดิเรก” ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี คือเป็น “หน้าห้อง” ของรัฐมนตรี “ภราดร ปริศนานันทกุล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
“รัชดา” บอกว่า “น้องกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่เคยอยู่ในทีมโฆษกฯด้วยกัน ชักชวนให้มาช่วยงานรัฐบาล ก็เลยตัดสินใจมา และได้เข้าไปลา“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ “ภราดร ปริศนานันทกุล” บอกว่า ทางพรรคภูมิใจไทย คงเห็นว่า “รัชดา” เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ทางการเมืองพอสมควร เชื่อว่าจะเข้ามาทำประโยชน์ให้กับพรรคได้ ทั้งในเรื่องนโยบาย แนวทาง แนวคิดต่างๆในการเตรียมความพร้อมรับศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง
หากภูมิใจไทย ตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ถ้าพรรคไม่มี สส.กรุงเทพฯ เลยสักคนเดียว ก็อาจจะเป็น “ปม” ที่ถูกเย้ยหยันเอาได้
ไม่แน่ พรรคภูมิใจไทย อาจจะใช้ “รัชดา ธนาดิเรก” เป็นแม่ทัพ ในการบุกเข้ามาปักธงที่กรุงเทพฯในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นได้


