xs
xsm
sm
md
lg

อ๊ะๆ ไลน์หลุดมันฟ้อง “ไอซ์–โรม” คู่ “ส้มปั่น” จะหาเรื่องใครก็แค่ “ปั่น” ไม่สนหลักฐาน ! ** “พรรคสีแดง” แจกตำแหน่งก๊วนบ้านใหญ่ สกัดเลือดไหล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รักชนก ศรีนอก -รังสิมันต์ โรม -จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ อ๊ะๆ ไลน์หลุดมันฟ้อง “ไอซ์–โรม” คู่ “ส้มปั่น” จะหาเรื่องใครก็แค่ “ปั่น” ไม่สนหลักฐาน !

“ไอซ์” รักชนก ศรีนอก และ “รังสิมันต์ โรม” ได้ชื่อว่าเป็นสองตัวตึงของพรรคประชาชน พ.ศ.นี้ โดยไอซ์ มาแนวตรวจสอบการทุจริต คอร์รัปชัน ส่วน “โรม” ก็โหนกระแสโหมกระพือขบวนการสแกมเมอร์

เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ มีกระแสจากโซเชียลกล่าวถึง ทั้งคู่จึงเรียก "แสง" เจิดจ้าให้กับตัวเองพร้อม “ติ่งส้ม” ต่างพากันอวยยศกันใหญ่

แต่...เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ “ไอซ์” และ“โรม” มีวาระซ่อนเร้นอะไรอยู่ ก็เป็นที่สงสัยตั้งคำถามกัน

กระทั่งล่าสุดมี “ไลน์หลุด” ออกมา ก็เลยถึงบางอ้อกันละงานนี้

“รังสิมันต์” ตีปิ๊บเรื่องสแกมเมอร์ ส่วน “ไอซ์” หาเรื่อง "กัน จอมพลัง" เหมือนจะคนละเรื่อง แต่สุดท้ายมีเป้าหมายเดียวกันคือ ดิสเครดิต “ผู้กอง” ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม

ข้อความในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาชน ที่หลุดออกมาถึงมือสื่อ มีบทสนทนาอย่างชัดเจนว่า

รักชนก ศรีนอก
“ไอซ์” เป็นหัวหอกชวนหาเรื่องโดย บอกสมาชิกพรรคว่า...

“ช่วงนี้ควรเล่นข่าวที่กระทบไปถึงธรรมนัส ส่งมา…เดี๋ยวจะช่วยปั่นเอง”

เรียกง่ายๆว่า ไม่ได้อยากตรวจสอบ ไม่ได้ต้องการหาหลักฐาน แต่ตั้งเป้าถล่ม “ธรรมนัส พรหมเผ่า” โดยขอมีข่าวอะไรหรือใครจะโยงได้

คำถามมีว่า ไอซ์ รับหน้าที่ “ปั่น” หรือ สร้างกระแสในโซเชียลฯแบบนี้ ต่างอะไรกับทำงานของเกรียนคีย์บอร์ด !?

ไม่รู้ว่า พรรคส้ม หรือ ตอนนี้จะเป็น “พรรคส้มปั่น” มี สส.ผู้มีเกียรติยกตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ทำงานตรวจสอบโดยไม่ต้องมีข้อมูล หรือมีหลักฐานใดๆ เอาแต่ปั่น และสร้างกระแสเรียกแสง เพียงเพื่อสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของพรรคที่จะเป็นคู่แข่ง ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เช่นนั้นหรือ ?

ถ้าใช่ ก็น่าสงสัยว่า ทำไมส้มไม่ปั่น หรือ ไม่เคยพาดพิงถึงพรรคภูมิใจไทย หรือ “นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” ทั้งเรื่อง เขากระโดง , รุกที่สาธารณะสร้างรันเวย์ส่วนตัวที่เขาใหญ่ หรือ เรื่องฮั้วสว. เป็นเรื่องใหญ่ ที่สังคมให้ความสนใจ กันบ้างเลย
ส้มปั่น กลับเงียบกริบ!…เหมือนมี “ดีลลับ”กับพรรคภูมิใจไทย

หรือ พรรคประชาชน เลือกชนเฉพาะฝั่งที่ชนแล้วได้คะแนน แต่ละเว้นฝั่งที่ทำดีลลับไว้ ?

คนในวงการการเมืองเขามองออกว่า “ไอซ์” ออกมาเล่นงาน “กัน จอมพลัง” เพื่อโยงไปถึง “ธรรมนัส” ชัดเจน

แน่นอนว่า “กัน จอมพลัง” ทำงานอาจไม่รอบคอบ…แต่ก็ไม่ได้โกงประชาชน หากจะให้สังคมยอมรับนับถือว่า พรรคประชาชน ทำงานตรงไปตรงมา ไม่มีวาระซ่อนเร้น กรณี “เงินบริจาค” ของพรรคตัวเอง ไอซ์-รักชนก ก็ควรต้องตรวจสอบ ตีแผ่ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบด้วย เงินมาเท่าไหร่ ไปไหน ใช้จ่ายอะไร ?

รังสิมันต์ โรม
ส่วน “รังสิมันต์ โรม” ก็ควรเฉลยนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ที่ว่า 7 คน แล้วตอนหลังมาบอกว่า มีมากกว่า 7 แล้วเสียที หรือต้องการ “ตีกิน” หาแสง กระทบชิ่งแค่คนที่อยากจะด้อยค่า แต่ละเว้น นายกฯอนุทิน ละเว้นรัฐมนตรี-สส.เทา ที่เป็นพวก

ถ้าทำงานอย่างที่คุยกันในไลน์กลุ่ม...งานถนัดคือ “ปั่น” หรือจะหาเรื่องใครก็แค่ “ปั่น” ไม่สนหลักฐาน ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าไปบอกใครเขาเลยว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ... อายเขา

หรือจะลอกสโลแกนเดิม ที่เคยมีคนหลงชอบเพราะเกลียดพวกลุงๆ อย่าง "มีเรา ไม่มีลุง" มาเป็น "มีเรา ไม่มีเทา" แน่ใจนะว่า ในพรรคไม่มีเทา !

บอกว่าเป็นพรรคจอมปั่น หรือ “ส้มปั่น” ยังจะเหมาะกว่านะจ๊ะ!

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
++ “พรรคสีแดง” แจกตำแหน่งก๊วนบ้านใหญ่ สกัดเลือดไหล

ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2569 นี้ เห็นได้ชัดว่านักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม หรือ พูดให้แคบและชัดลงไป คือ “สายลุงตู่-ลุงป้อม” ที่เคยเป็นนั่งร้านให้ คสช. ได้ชักแถวเข้าพรรคภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล”

จนทำให้เกิดภาพว่า ภูมิใจไทย จะได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งค่อนข้างสูง นั่นยิ่งกลายเป็นแรงดึงดูด บรรดาบ้านใหญ่ ในพรรคอื่นตามเข้ามาสมทบ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง
ไม่เว้นแม้แต่กลุ่ม สส.พรรคเพื่อไทย ก็ขยับขยาย ย้ายไปเข้าพรรคภูมิใจไทยด้วย โดยกลุ่มแรกที่ไปคือ กลุ่มของ “ศักดา วิเชียรศิลป์” อดีต สส.กาญจนบุรี ที่หอบหิ้วเอาสส.อีสาน ไปด้วยหลายคน

เมื่อตั้งรัฐบาลอนุทินเสร็จ “ศักดา วิเชียรศิลป์” ก็ได้เป็นถึง รมช.มหาดไทย

จึงมีกระแสข่าวว่า จะมีบ้านใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสานอีกหลายคน เตรียมตีจากเพื่อไทย

เพื่อสกัดเลือดไหลออก “อุ๊งอิ๊งค์ “ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรค จึงต้องประกาศลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีการ “ยกเครื่อง” พรรคเพื่อไทยใหม่ โดยไม่มีคนใน “ตระกูลชินวัตร” มาร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค หวังสร้างภาพว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ของตระกูลชินวัตร

แต่สุดท้ายก็สลัดไม่หลุด เพราะ “แพทองธาร” ลาออกจากหัวหน้าพรรคก็จริง แต่ยังเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” นั่งชี้นิ้วกำกับการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล
พรรคเพื่อไทย จึงได้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” นั่งหัวหน้าพรรค และ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เป็นเลขาธิการพรรค เหมือนฉายหนังซ้ำ ที่ยุคหนึ่ง พรรคเพื่อไทย เลือก “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เป็นหัวหน้าพรรค และ“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เป็น เลขาธิการพรรค
ดูแค่ 2 ตำแหน่งนี้ ก็รู้แล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยังเป็นของ ชินวัตรแฟมิลี่

“เสี่ยหนิม” จุลพันธ์ วัยห้าสิบปี เป็น สส.เชียงใหม่ 5 สมัย เคยเป็น รมช.คลัง เเละเป็นสายตรงชินวัตร ที่ทุกคนวางใจ ขณะเดียวกันก็เป็นการ ปลอบใจ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” บิดาของเสี่ยหนิม ที่ไขก๊อกจากพรรคไปหมาดๆ ด้วย ขัดใจคนในชินวัตรเเฟมิลี่ บางคน ที่ล้วงลูกว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคเหนือ เเบบไม่ให้เกียรติกัน ...

ภารกิจของ “เสี่ยหนิม” นอกจากการเป็นหัวหน้าพรรค แล้วยังต้องดึงยอดสส.ในภาคเหนือตอนบน จากพรรคสีส้ม คืนกลับให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องบล็อกการทะลวงของพรรคกล้าธรรม ให้ได้ด้วย

ส่วนโอกาสที่ “เสี่ยหนิม” จะเป็น1ใน 3 เเคนดิเดตนายกฯหรือไม่นั้น เอากันตรงๆ น้อยยิ่งกว่าน้อย !!

ขณะที่“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ชายวัย 65ปี จากโคราช คัมเเบ็ก เป็นเลขาธิการพรรครอบที่สองนั้น เป็นคนในสาย “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่ ตระกูลชินวัตร เรียกตัวกลับพรรค หลังเฮียเพ้ง วางมือไปเเล้ว เเว่วว่าเฮียเพ้ง ถูกดึงมาคาน “กลุ่มสองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ -สมศักดิ์ เทพสุทิน โดย เฮียเพ้ง ได้รับบท “หัวจ่าย” ในฤดูหาเสียง

สำหรับแกนนำ ที่เคยเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ก็ยังอยู่กันครบ ทั้ง “จาตุรนต์ ฉายแสง-นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว- สุทิน คลังแสง
นอกจากนี้ ยังแจกตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคอีก 13 คน เพื่อ“หยุดเลือดไหล” ได้แก่ ชูศักดิ์ ศิรินิล-สรวงศ์ เทียนทอง-มนพร เจริญศรี - วิสุทธิ์ ไชยณรุณ - สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล - พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ - จักรพงษ์ แสงมณี - ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ -เผ่าภูมิ โรจนสกุล - เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล - ก่อแก้ว พิกุลทอง-ศรัณย์ ทิมสุวรรณ - จเด็ศ จันทรา

ในจำนวนนี้ มีกลุ่มบ้านใหญ่ ที่มีผลต่อการเลือกตั้งในภาคอีสาน เพราะเป็นตัวแทนกลุ่มทุนใหญ่ในพื้นที่ อย่างเช่น “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ทายาท “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล แห่งอาณาจักรแป้งมันโคราช รับผิดชอบภาคอีสานใต้ ดูแล จ.นครราชสีมา อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และชัยภูมิ

มนพร เจริญศรี
“มนพร เจริญศรี” สส.นครพนม 3 สมัย อดีต รมช.คมนาคม คนนี้อยู่ในสายของ “สองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน รับผิดชอบพื้นที่อีสานตอนกลาง เช่น จ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร

ส่วน“เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล” หรือ “สส.ป๊อก”สส.เลย 2 สมัย เจ้าของทีมสโมสรฟุตบอลเมืองเลย ยูไนเต็ด ดาวรุ่งพุ่งแรง รับผิดชอบภาคอีสานเหนือ ติดริมโขง ตั้งแต่ จ.เลย ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย และ บึงกาฬ

ขณะที่ รองเลขาธิการพรรค ก็มี “ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ คนใกล้ชิด “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช... จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ บุตรชายของ “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์...“ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ” ลูกชาย เกษม รุ่งธนเกียรติ เเละ ปิยะรัชต์ ติยะไพรัช ลูกสาว“ยุทธ ตู้เย็น” เเห่งเชียงราย

ในการเลือกตั้ง ปี 2566 ที่ผ่านมา พื้นที่ภาคอีสาน มีส.ส.เขต ทั้งหมด 133 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยได้มา 73 ที่นั่ง ภูมิใจไทยได้ 35 ที่นั่ง ที่เหลืออีก 25 ที่นั่ง มี 8 พรรคการเมืองแบ่งๆ กันไป

ต้องติดตามกันว่าเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะรักษาตัวเลข 73 ที่นั่ง ในภาคอีสาน ไว้ได้หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น