xs
xsm
sm
md
lg

"จุลพันธ์" รับ "ชินวัตร" ผูกพันทางใจ "แม้ว" เริ่มอุดมการณ์ "อิ๊งค์" คงเป็นหน.ครอบครัวพท. อุบลงแคนดิเดตนายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หน.เพื่อไทย รับ "ตระกูลชินวัตร" ผูกพันทางใจ ชี้แนวคิดริเริ่มอุดมการณ์มาจาก "ทักษิณ" บอก "อิ๊งค์" ยังเป็นหน.ครอบครัวพท. แต่อำนาจบริหารเป็นของหน. ยังไม่คิดเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วยหรือไม่ ยันส่งครบ 3 ปรับการสื่อสาร คัดผู้สมัครแข็งสู้เลือกตั้ง มั่นใจ 100% สร้างพรรคเข้มแข็งได้

วันที่ (31 ตุลาคม) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ ว่ามั่นใจหรือไม่ว่ามานำพรรคตอนนี้จะได้สส. 200 เสียง ว่า มั่นใจ เพราะว่าจากการสัมผัสกับพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา รู้สึกได้ว่าประชาชนที่ให้การต้อนรับพรรคเพื่อไทย ยังคงมีอยู่จำนวนมาก แล้วพรรคเราเองต้องมาพิจารณาตัวเอง มองกลับมาตัวเอง เพื่อที่จะมาปรับเปลี่ยนหรือว่ายกเครื่อง เราดูตั้งแต่เรื่องผู้สมัคร เรื่องกลไกในการสื่อสารกับประชาชน ดูเรื่องแนวนโยบาย วันนี้เราเดินหน้าไปมากแล้ว ด้วยกลไกที่เราดำเนินการทั้งหมดเราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างความไว้วางใจให้กับพี่น้องประชาชนได้อีกครั้ง สามารถผ่านการเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลได้ เพื่อทำนโยบายที่ดีให้กับประชาชนต่อไป

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งที่ผ่านพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง นโยบายทำไม่สำเร็จจะกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไปหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ครั้งที่ผ่านมา มันก็ผ่านไปแล้ว เราไม่ได้มองลักษณะนั้น เราก็มองการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมาถึง ในเรื่องแนวนโยบาย หากมองในเรื่องเงินหมื่น มุมหนึ่งเราทำไม่เสร็จจริงๆ แต่ระยะเวลาในการเป็นรัฐบาลของเราก็มีเพียงแค่ 2 ปี คือเราไม่สามารถอยู่ครบวาระได้ ระหว่างทางทุกท่านก็เห็นว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เราทำก็คือ เราสามารถดำเนินการนโยบายนี้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งคนที่เงินหมื่นไปก็เป็นกลุ่มเปราะบางหรืออ่อนแอ เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีรายได้ต่ำ แต่แน่นอนว่าอีกครึ่งทางที่เหลือเราไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้สานต่อ อยากบอกว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็ช่วยกันทำเถอะ

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเลือดหยุดไหลแล้วหรือไม่ กล่าวว่า เลือดไหลตนมองว่าเป็นศัพท์แสงของสื่อใช้กัน ความปวดหัวของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย คือการมีผู้สมัคร ในเขนหนึ่งเป็นจำนวนมาก จึงต้องคัดผู้สมัครให้เลือกเพียงคนเดียว นี่เป็นความยากของพวกตน เรื่องของสื่อที่ใช้คำว่าเลือดไหลทางการเมือง อย่างแรกเลยคนที่จะไปก็ไปแล้ว คนที่ยังอยู่ก็มีความเข้มแข็งและยึดมั่นอุดมการณ์ อย่างไรก็ตาม การเข้าการออกในช่วงสถานการณ์ที่เข้าใกล้สู่การเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติทางการเมือง หากไปดูพรรคอื่นเหมือนที่ติดตามพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าก็มีการเลือดไหล ก็มีการเข้าและออกรายวันเหมือนกัน พรรคเพื่อไทยมีการเปิดตัวผู้สมัครมาแล้วกว่า 200 คน และวันที่ 7 พฤศจิกายน ขอให้มาติดตามด้วยมีการเปิดตัวผู้สมัครอีก 1 ชุด และจะมีการทยอยเปิดตัวเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 400 เขต หมายความว่าคนที่มีความรัก ความศรัทธา และความเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ก็ยังไหลเข้ามาทุกวัน

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความน่าเป็นห่วงหรือผิดปกติ แต่อย่างใด คนออกได้ก็มีเข้าได้ ขณะนี้ตนมีความาเชื่อมั่นว่า คนที่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังคงมีความแข็งแกร่งทางการเมืองและเข้ามาสมัคร และมีอุดมการณ์ตรงกับพวกเรามีมากกว่า

เมื่อถามว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย ชินวัตรยังถือเป็นกำลังสำคัญอยู่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ด้วยความผูกพันตระกูลชินวัตร เราปฏิเสธไม่ได้ อย่าไปหลอกตัวเอง อย่างไรก็ตาม ตระกูลชินวัตร มีความผูกพันธ์ทางใจอยู่แล้ว แนวคิดริเริ่มอุดมการณ์ก็เริ่มมาจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และน.ส.แพทองธาร ที่เพิ่งลาออก ก็เป็นที่รักเคารพของพวกเราทุกคน เป็นอดีตนายกฯ ที่เราเชื่อมั่น สิ่งที่ท่านลาออกแล้วเราต้องมาเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งไม่มีครอบครัวชินวัตร ก็เป็นการถูกต้อง และเป็นการถ่ายเลือดที่จะทำให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความเข้มแข็ง

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า แต่ตำแหน่งที่ น.ส.แพทองธาร ไม่สามารถลาออกได้ เพราะท่านเคยสมัครไว้ก่อนแล้วคือหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ยังจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอยู่ต่อไป แต่การขับเคลื่อนในเรื่องสมาชิก และเรื่องต่างๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ขัดกฎหมาย แต่ในส่วนการขับเคลื่อนพรรค เป็นเรื่องของกรรมการบริหารชุดใหม่ที่เป็นแนวทางของพรรค ให้เป็นไปตามเสียงของสมาชิกพรรค และ สส. ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่แยกกันอย่างชัดเจน

เมื่อถามว่า หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยใครใหญ่กว่ากัน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเป็นความผูกพันทางใจ แต่หัวหน้าพรรค ตนมีอำนาจในการบริหารจัดการอย่างสมบูรณ์ทุกประการ

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นข้อจำกัด ทางกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งในส่วนนี้ พรรคกำลังพิจารณาอยู่ เรายังไม่ได้ตัดสินใจ ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่เราต้องคัดสรรตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกใจและตอบโจทย์ประชาชนให้ได้ ใช้เวลาไม่นาน ขอให้อดทนรอ อีกไม่กี่เดือนก็จะมีการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัว และเชื่อว่าจะเป็นที่ถูกใจ ตอบโจทย์ความเดือดร้อนประชาชนได้

เมื่อถามว่า หากสภาฯ เปิดจะมีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องหารือกัน วันนี้ในสภาฯ ก็มีการคุยกัน แม้ไม่ขึ้นตรงต่อวิปฝ่ายค้านก็ตาม แต่ก็มีการหารือกันว่าเวลาที่เหมาะสมจะเป็นเมื่อไหร่ เราไม่ได้ตรวจสอบจากอารมณ์ เราจะดำเนินการจากข้อมูล ก็ต้องดูว่าเรามีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ หากอภิปรายแล้วเป็นการฉายหนักเก่า จะเป็นความเสียหายกับพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการรวบรวมข้อมูลทั้งเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น การปัดเป่าคดี การกระทำที่ไม่ถูกต้อง เรื่องจริยธรรมของบุคคลต่างๆ ฉะนั้น ต้องรอรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนจึงจะตัดสินใจ

เมื่อถามว่า ยอมรับได้หรือไม่หากอยู่ในสภาพเดียวกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรค พท. ที่เป็นหัวหน้าแต่ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิด และพรรคก็ยังไม่ตกผลึก แต่ยืนยันได้ว่าอย่างไรเราก็ต้องส่งแคนดิเดต 3 คน เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอแบบนี้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ แต่เราเป็นพรรคของทุกคน สามารถเชื่อมทั้งคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าได้

ส่วนบทบาทของหัวหน้าพรรคที่จะทำสมาชิกใจฟูได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การพูดกับสมาชิกพรรคบนเวทีหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เป็นการพูด ด้วยความรู้สึกข้างใน ไม่ได้ใช้สคริปต์ว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่แบกรับความหวัง และความศรัทธาของประชาชนมาอย่างยาวนาน ยังมีประชาชนที่เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยซึ่งประเมินแล้วอย่างต่ำประมาณสิบล้านคน ซึ่งประชาชนเหล่านั้นพร้อมที่จะสนับสนุน และก้าวเดินไปพร้อมกับพรรคเพื่อไทย จึงได้สื่อสารไปกับสมาชิกพรรคแล้วว่าขอให้มีความเชื่อมั่น เราจะทำนโยบายที่ตอบโจทย์ ปรับเปลี่ยนการสื่อสาร และคัดสรรผู้สมัครที่มีความเข้มแข็ง ทำพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง และตอบโจทย์ประชาชน จึงเชื่อว่าประชาชนก็จะตอบรับเราในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

เมื่อถามว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วจะไปพูดคุยกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการคุยกันอยู่เดี๋ยวก็มา

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า จะสร้างพรรคเพื่อไทยให้เข้มแข็ง โดยมั่นใจ 100% ว่าจะทำได้


กำลังโหลดความคิดเห็น