xs
xsm
sm
md
lg

เป็นเรื่องแล้ว! “ปานเทพ” เปิดหลักฐาน “MOU43” ส่อเป็น MOU เถื่อน! ** แผนสอง “สุทิน คลังแสง” โบกมือลาเพื่อไทย ไปตั้งพรรคเอง ?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ - ชวน หลีกภัย - สุทิน คลังแสง
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ เป็นเรื่องแล้ว! “ปานเทพ” เปิดหลักฐาน “MOU43” ส่อเป็น MOU เถื่อน!

MOU 2543 หรือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งภาคประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกทันที แต่นักการเมืองและรัฐบาลพยายามยื้อ ทั้งๆ ที่ไทยเสียเปรียบ และถูกละเมิดอธิปไตยจากกัมพูชาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องแผนที่ 1:200,000

ล่าสุดมีหลักฐานเอกสารระบุ งานนี้แค่ให้คณะรัฐมนตรี “รับทราบ” ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของ ครม. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2531 และ ขัดมติครม.เดิมปี 2535

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
พูดง่ายๆ ว่า ส่อเป็น “MOU เถื่อน” และการลงนามก็เสี่ยงมีความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ!

เรื่องนี้ “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต และประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”

“หลักฐานปรากฏอย่างชัดเจน จากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 13 มิถุนายน 2543 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย พบว่าคณะมนตรี เพียงแค่ “รับทราบ” การบัญชาการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปลงนาม MOU 2543 กับกัมพูชานั้น ย่อมสุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องด้วยขัดแย้งต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2531 เนื่องด้วยเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยตรง

ชวน หลีกภัย
อีกทั้งยังขัดต่อ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 เอาไว้ว่า เรื่องความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่างๆ จะต้องเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาทุกครั้ง

การลงนามใน MOU 2543 จึงเข้าข่ายการกระทำผิดต่อกฎหมาย หรือไม่ และเข้าข่ายเป็น MOU เถื่อน ตั้งแต่แรกหรือไม่”
นั่นเป็นข้อความที่ “อาจารย์ปานเทพ” โพสต์เอาไว้ และ ตอนนี้ก็เกิดคำถามในโลกโซเชียลฯ กระหึ่มว่า MOU43 ที่รัฐบาลบ่ายเบี่ยงจะยกเลิก มีความชอบธรรมทางกฎหมาย หรือว่ามัน "เถื่อน" มาตั้งแต่ต้น หรือไม่ ?!

เพราะมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 ระบุเป็นหลักการไว้ชัดเจนว่า “เรื่องความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่างๆ จะต้องเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทุกครั้ง ตามที่อาจารย์ปานเทพ ที่ศึกษาเรื่องMOU43 มานานนับสิบปี นี่ถือว่าเป็น “จุดตาย”

นี่คือประเด็นสำคัญที่ MOU ต้องผ่านครม. ก่อนจะไปลงนามผูกพันประเทศ!

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
หากพิจารณาตามนี้ การลงนามใน MOU 2543 นั้นดูเหมือนจะข้ามขั้นตอน และถูกนำเสนอให้ ครม.แค่ "รับทราบ" ไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณา "อนุมัติ" อย่างถูกต้องตามมติเดิม

การลงนามใน MOU 2543 จึงเข้าข่ายการกระทำผิดต่อกฎหมาย และเข้าข่ายเป็น MOU เถื่อน ตั้งแต่แรกหรือไม่ ?

คำถามนี้ของ "อาจารย์ปานเทพ" ไม่ใช่แค่คำถามธรรมดา แต่มันคือ "ประเด็นสำคัญ" ที่พุ่งตรงไปที่ความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องในยุคนั้น!

งานนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่เดิมพันคือผลประโยชน์แห่งชาติ และอธิปไตยของประเทศ

คำถามที่จะตามมา ก็คือ "ใครสั่ง ใครเซ็น" ต้องรับผิดชอบ? เมื่อมีการชี้เป้าว่า เอกสารสำคัญระดับประเทศถูกนำไปลงนามโดย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งก็คือ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ในขณะนั้น โดยอ้างว่าได้ "รับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรี หรือ “ชวน หลีกภัย” ในขณะนั้น แต่มิได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.เต็มคณะ อย่างเป็นทางการ ตามมติ ปี 2535
และคำถามที่จะตามมาอีกก็คือมี "มือที่มองไม่เห็น" หรือ "ผลประโยชน์" อะไรแอบแฝงในยุคนั้นหรือไม่ อย่างไร?

ทั้งๆที่ การกระทำดังกล่าว สุ่มเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหา "ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ตามมาตรา 157 อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?

ไม่รู้ว่าเป็น "เจตนา" หรือ "ความสะเพร่า" ที่ผู้รับผิดชอบ"จงใจ" ที่จะเลี่ยงขั้นตอนครม. เพื่อให้การลงนามเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ?
การเมืองไทยไม่เคยมีเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมี "ที่มา-ที่ไป" เสมอ!!

หรือเป็นเพียง "ความหละหลวม" ของระบบราชการที่มองข้าม"หลักการ" ของมติ ครม. ที่ตั้งไว้เพื่อ "ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ" ในการทำสนธิสัญญาสำคัญ ?

ไม่ว่าจะเป็นข้อใด "ความเสียหาย" ที่เกิดขึ้นกับสถานะของ MOU ฉบับนี้ ย่อมส่งผลกระทบใหญ่หลวงตามมาดังที่ประชาชนคนไทย ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว

ยิ่งไม่ต้องถามถึงผลกระทบระยะยาว สู่ปัญหาเขตแดน หาก MOU 2543 ยังใช้กันอยู่ โดยที่มีสถานะเป็น"โมฆะ" หรือ "เถื่อน" จริงตามข้อสงสัย กลไกการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบกกับกัมพูชาทั้งหมดที่ดำเนินการไปภายใต้ MOU นี้ จะอยู่ในสถานะใด ?

เป็นเรื่องมั้ยล่ะงานนี้!

สุทิน คลังแสง
++ แผนสอง “สุทิน คลังแสง” โบกมือลาเพื่อไทย ไปตั้งพรรคเอง ?!

การเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ชุดใหม่ หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคคนเดิมลาออก จะมีขึ้นในวันนี้ (31ต.ค.)

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” สส.เชียงใหม่ ได้รับการคาดหมาย ว่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยมี “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เคยเป็นเลขาธิการพรรคในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จะได้กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อีกครั้ง ส่วน “สรวงศ์ เทียนทอง” ขยับจากเลขาธิการพรรค ไปเป็น รองหัวหน้าพรรค

ขณะเดียวกัน ก่อนการเลือกหัวหน้าพรรค 1 วัน คือ วันที่ 30 ต.ค. ก็มีกระแสข่าวออกมาแต่เช้า ว่า “สุทิน คลังแสง” อดีต รมว.กลาโหม แกนนำคนสำคัญของพรรค ผู้มีบทบาทหลักในการอภิปรายในสภาฯ ของพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในแคนดิเดต ที่จะชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้แสดงความจำนงขอถอนตัวออกจากแคนดิเดตหัวหน้าพรรค และเตรียมจะยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่

ตามรายงานข่าว กำหนดเสร็จสรรพว่า จะยื่นใบลาออกต่อ กกต.ในวันที่ 3 พ.ย. และเตรียมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ที่ จ.บึงกาฬ ในวันที่ 7 พ.ย.นี้

ลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการเป็นตัวแทน ทำงานให้ตอบโจทย์ความต้องการ ความคาดหวังของพี่น้องประชาชน คนภาคอีสาน สร้างพรรคการเมืองของคนอีสาน

พลันที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไปทางสื่อ “สุทิน คลังแสง” ก็รีบออกมาปฏิเสธทันที ว่าเป็นข่าวเท็จ !

ยืนยันว่า วันนี้ยังคงทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทย ยังไม่คิดไปไหน วันที่ 31 ต.ค.นี้ ก็จะเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญฯ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และไม่ว่าสมาชิกจะเลือกใครมาเป็นหัวหน้าพรรคก็พร้อมยอมรับ

“สุทิน” ยังบอกว่า ว่าคนที่ปล่อยข่าว น่าจะเป็นผู้ไม่หวังดี กับตนเอง และพรรคเพื่อไทย พยายามสร้างกระแส ทำให้ดูว่า พรรคเพื่อไทย ยังเลือดไหลไม่หยุด

อย่างไรก็ตาม เรื่องสุทิน จะตั้งพรรคใหม่ ไม่ใช่ไม่มีมูล หรือไม่มีที่มาที่ไป เสียทีเดียว

เพราะ “รัฐ คลังแสง” สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลูกชายของ “สุทิน” บอกเองว่า เรื่องการตั้งพรรคใหม่ เป็นแนวคิดของพ่อที่มีมานานมาแล้ว เหมือนกับว่า “เตรียมแผนสอง” สำรองเอาไว้ หากพรรคเพื่อไทย มีปัญหาในอนาคต อย่างเช่น ไม่มีใครมานำพรรคต่อ หรือ สส.และสมาชิก แตกฉานซ่านเซ็น ไปพรรคนู้นพรรคนี้ พ่อจึงมีแผนตั้งพรรคเอง จะได้ไม่ต้องไปอยู่พรรคอื่น
ซึ่งเรื่องนี้ก็ไปสอดคล้องกับทุกครั้งที่มีสัญญาณเลือกตั้งใหม่ ก็จะมีบรรดา อดีตสส. นักเลือกตั้งสอบตก หรือพวก “ยาหมดอายุ” ในจังหวัดต่างๆ ของภาคอีสาน จะนัดพบปะแลกเปลี่ยนทางการเมืองกัน และก็มักจะพูดว่า ทำไมเราไม่มีพรรคการเมืองของคนอีสาน ทำไมไม่มีนายกฯคนอีสาน ทั้งๆ ที่ภาคอีสานมีจำนวน สส.มากกว่าภาคอื่นๆ

ทำไม่เราไม่ผนึกกันให้เหนียวแน่น เหมือนปั้นข้าวเหนียว ...ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ธรรมชาติของ“ปั้นข้าวเหนียว” เมื่อโดนน้ำ ก็จะจับกันไม่ติด ปั้นยังไงก็ไม่เป็นก้อน

เชื่อว่า “สุทิน” คงเคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาบ้างแล้ว และอาจรอดูผลการเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก่อนค่อยตัดสินใจทางการเมือง

วันนี้ “สุทิน” ยังใช้ “แผนหนึ่ง” คือยืนยันว่า ยังอยู่พรรคเพื่อไทย ไม่ไปไหน แต่วันหน้าถ้าเกิดมี “สัญญาณไม่ดี” จากทางพรรคล่ะ “สุทิน” อาจตัดสินใจใช้“แผนสำรอง”ก็เป็นได้

แต่ขอเตือนว่า หากจะตั้งพรรคใหม่ ให้ระวังพวก “ยาหมดอายุ” ไว้หน่อยก็ดี!


กำลังโหลดความคิดเห็น