“กมธ.ความมั่นคงฯ” จ่อยื่นหนังสือ “ปปง.” สอบบุคคลเอี่ยวอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมประสานสหรัฐฯ ขอข้อมูล ถาม “นายกฯ” เจอ “ทรัมป์” คุยแก้ปัญหาสแกมเมอร์หรือไม่ ไม่ใช่แค่ตั้งคกก.แล้วจบ
วันที่ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง และพรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกมธ. ว่า วันนี้มีวาระเรื่องพิจารณาศึกษาและติดตามปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย กรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือนายเบน สมิธ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของ ประเทศ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เช่น นายกรัฐมนตรี มอบหมายนายวิฑูรย์ สิรินกุล รองอธิบดีกรมการปกครองในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมอบหมายนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย มอบหมายนายวรวุฒิ เวสารัชกิจ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และนายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม เป็นต้น
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กมธ.ยังได้เชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ และนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง เข้าชี้แจงในอีกการประชุมวาระหนึ่งด้วย แต่ทั้ง 3 คน ไม่ได้มา ทั้งนี้ สำหรับตัวแทนคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้ข้อมูลกับกมธ.ว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้างและกมธ.ได้มีการสอบถามว่าได้เรียก ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล และนายวรภัค ไปให้ข้อมูลแล้วหรือไม่ ว่ามีการเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ อย่างไร รวมถึงนายกฯ ได้มีการดำเนินการอะไรแล้วหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการในส่วนนี้
นายชุติพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงว่าได้จัดตั้งศูนย์วอร์รูมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย หากมีกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย สามารถดำเนินการอายัดทรัพย์ได้ และคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายโดยตรง ซึ่งกมธ.ได้ถามสถิติตั้งแต่อดีตจนถึงวันที่ 21 ต.ค. เหตุใดการอายัดบัญชีที่ถูกฉ้อโกงจึงได้ลดลงจาก 3 เปอร์เซ็นต์เหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ ได้คำตอบว่า กระบวนการยังมีการติดขัดอยู่แต่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ขณะที่ปปง. ระบุว่าดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การฟอกเงิน ต้องมีความผิดมูลฐานก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้อาจมีข้อจำกัดบางประการในส่วนของกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดย กมธ.ได้มีการสอบถามว่า ได้มีการสืบเส้นเงินและตรวจสอบไปยังบุคคลที่มีชื่อและมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ปปง.ชี้แจงว่า ยังไม่มีความชัดเจนแต่ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความนิ่งเฉย โดย ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยและปปง. เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด ที่ผ่านมาได้ระงับบัญชีจำนวน 30,000 บัญชี และอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่า 200 ล้านบาท มาตรการเน้นการป้องกันการหลอกลวงด้านการลงทุน โดยได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจและเผยแพร่การแจ้งเตือนเพื่อ สร้างความตระหนักรู้
นายชุติพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกฎหมาย Travel Rules อยู่ในขั้นตอนการออกกฎหมาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามและตรวจสอบ ความโปร่งใส โดยเบื้องต้นจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อกำหนดแนวทางให้กับผู้ประกอบธุรกิจได้รับทราบ สำหรับธนาคารกสิกรไทย ได้ชี้แจงว่า ได้ดำเนินนโยบายป้องกันการฟอกเงินอย่างเข้มงวด และยืนยันว่า ธนาคารไม่ได้เป็นคู่ค้ากับบุคคลชื่อนายเบน สมิธ และปัจจุบัน ไม่ได้เป็นคู่ค้ากับ BIC แล้ว โดยได้ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. ถึงก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการก่อนที่สภาคองเกรสจะประกาศมาตรการคว่ำบาตร (Sanction) โดยกมธ.ได้ขอดูเอกสาร เรื่องการดำเนินการขึ้นเพลย์ลิสต์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BIC ธุรกิจในประเทศกัมพูชา รวมถึงส่งข้อมูลเรื่อง Transaction ที่เป็นปัญหา และได้มีการประสานกับปปง. โดยธนาคารกสิกรไทยจะส่งเอกสารมาให้กมธ. ในภายหลัง
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ชี้แจงต่อกมธ.ว่านายเบน สมิธ ได้ยื่นคำขอสัญชาติไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติและการเสียภาษีเงินได้ โดยพบว่า การเสียภาษีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จึงได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาต่อไป โดย กมธ.มีข้อเสนอแนะคือ กมธ.จะยื่นหนังสือและเอกสารไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ ว่ามีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ และควรดำเนินการตรวจสอบต่อไป รวมถึงจะประสานงานและขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมไว้ใช้ในการพิจารณาในลำดับต่อไป
เมื่อถามว่า การเชิญนายษัษฐรัมย์ ซึ่งเป็นกรรมการประกันสังคม มีความเกี่ยวข้องอย่างไร กับการซื้อหุ้นบริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง นายชุติพงศ์ กล่าวว่า นายษัษฐรัมย์ มาเป็นตัวแทนบอร์ดประกันสังคมในการให้ข้อมูลว่าการซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องมีข้อสงสัยอยู่หลายประการ และทางอนุกรรมการ และกรรมการมีการตั้งข้อสงสัยว่าข้อเท็จจริงบาง ไม่มีการแจ้งให้ทางอนุกรรมการทราบอย่างชัดเจน รวมถึงถามว่าเหตุใดกระบวนการซื้อหุ้นใหญ่ขนาดนี้ จึงได้มีข้อสงสัยน้อย และไม่ได้มีการให้ความชัดเจน ซึ่งกมธ.ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และจะมีการตรวจสอบต่อไป
และเมื่อถามว่าจะมีการเชิญนักการเมือง ช. เข้ามาชี้แจงหรือไม่ นายชุติพงศ์ กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยใน กมธ.อีกครั้ง ว่าจะเชิญบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง เราต้องให้ความกระจ่างกับสังคมและควรให้นักการเมืองมีโอกาสชี้แจงตัวเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีที่ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่า นักการเมือง ช. เป็นเรื่องพนันออนไลน์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ใน กมธ. มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร นายชุติพงศ์ กล่าวว่า พื้นที่ในกัมพูชาแรกๆก็เป็นกาสิโน เพราะถือเป็นตัวตั้งต้นเศรษฐกิจรายได้พื้นที่ชายแดน แต่ภายหลังมีการแปรสภาพกาสิโน สแกมเมอร์ เป็นพนันออนไลน์ และคนที่อยู่ในเครือข่ายเหล่านี้ พูดตรงๆว่าเราสามารถตั้งข้อสงสัยได้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องทางตรงหรือทางอ้อม และถือเป็นสิทธิ์โดยชอบที่สังคมจะตั้งข้อสงสัย เช่นเดียวกันก็ถือเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะตอบต่อสังคมอย่างไร ทางที่ดีควรจะมีเวลา และพื้นที่ชี้แจงต่อสังคมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะพนันออนไลน์ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับประเทศพอสมควร
ส่วนจะมีการขอข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ จากสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายชุติพงศ์ กล่าวว่า กมธ.สามารถเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯมาชี้แจงได้ โดยอาจตั้งต้นจากสถานเอกราชทูตสหรัฐอเมริกา ในการที่จะขอข้อมูล ย้ำว่าเราพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ ให้เป็นวาระที่ใหญ่กว่าวาระของประเทศไทย อย่าลืมว่าประเทศไทยมีพื้นที่ติดกับชายแดน ซึ่งทั่วโลกกำลังมองว่าเป็นฐานสแกมเมอร์ ซึ่งหลอกเงินคนทั่วโลก จนกระทั่งมีการประเมินกันว่ามีมูลค่าเศรษฐกิจประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีมาจากเรื่องนี้ และต้องอย่าลืมว่ารายได้เหล่านี้ มาจากเงินผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอก และขอถามกลับไปยังนายกฯ ที่ปรากฏภาพว่าไปเจอกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าได้มีการพูดคุยเรื่องเหล่านี้หรือไม่ และต้องอย่าลืมว่านายโดนัล ทรัมป์ และสหรัฐฯ มีการคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในประเทศไทย ท่านนายกฯจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังมากกว่าการตั้งคณะกรรมการที่ไม่ได้มีอำนาจพิเศษ และไม่ดำเนินการในจุดที่ใกล้ที่สุด คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
“ไม่ได้มีความพยายามสร้างความกระจ่างหรือคลายความสงสัยของประชาชนเลย ว่านายกฯ เกรงใจใคร จึงไม่ดำเนินการ และจะเดินช้าอยู่เช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน ทั้งนี้ ทางกมธ.ยืนยันว่าในส่วนที่เราสามารถทำได้ ในการร่วมมือกับโลกปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ เราจะทำทุกวิถีทางและประสานทุกหน่วยงานเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้”นายชุติพงศ์ กล่าว


