วันนี้( 30 ต.ค.)นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 พรรคกล้าธรรม(กธ.)กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา มีแรงงานที่ทำงานอยู่ฝั่งประเทศเมียนมาอพยพหลบหนีความไม่สงบกลับเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
นายภาคภูมิกล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ เคเคพาร์ค ฝั่งประเทศเมียนมา และตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เกิดการสู้รบและมีการทิ้งระเบิดลงในชุมชน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ โดยขณะนี้มีผู้อพยพข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทยแล้วกว่า 1,600 คน ซึ่งทำให้จังหวัดตากได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่มีลูกหลงและสะเก็ดระเบิดตกมาถึงฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก โดยนายสราวนิช สุริยะกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกาชาด ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร (อส.) โดยร่วมกันตรึงกำลังและดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนอย่างเต็มที่
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่จังหวัดตากจะสามารถรับมือได้ลำพัง จึงอยากขอให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะจังหวัดตากถือเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะอำเภอแม่สอดซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องไปถึงยุโรป มูลค่าการค้าปีละนับแสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจซบเซามาเป็นเวลานาน
“จังหวัดตากกำลังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนชายแดนที่ค้าขายวัวและสินค้า ยังไม่สามารถส่งออกได้เหมือนเดิม อยากให้รัฐบาลหันมาโฟกัสจุดนี้เป็นพิเศษ และขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีว่า หากเป็นไปได้ อยากให้มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจรที่จังหวัดตากสักครั้ง เพื่อให้รัฐบาลได้เห็นปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ และช่วยฟื้นชีวิตให้กับจังหวัดตากและพี่น้องชาวแม่สอดอีกครั้ง“นายภาคภูมิ กล่าว


