ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "โรม" กับมหากาพย์ 7 นักการเมืองสแกมเมอร์ ของเก่ายังไม่เปิด วันนี้บอกเกิน 7 แล้ว
ยังคงเป็นคำถามไปถึง "รังสิมันต์ โรม" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่เคยอภิปรายอย่างเมามันในสภาฯ ถึงบัญชีหางว่าว 7 นักการเมืองผู้ทรงเกียรติ ที่พัวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ... เมื่อไหร่จะเปิดชื่อให้สังคมรับรู้
ผ่านมา...นับสัปดาห์ นับเดือน จนจะกลายเป็นมหากาพย์รอมร่อ... “โรม” ก็ยังทำตัวเป็น "โรม หิวแสง" ไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อเหล่านั้นให้ชาวบ้านร้านตลาดได้รู้กันเสียที!
พอถูกทวงถามบ่อยกว่าทวงหนี้ ก็หายเข้ากลีบเมฆ จนคนสงสัย หรือว่าที่จริงแล้ว...เป็นแค่ "วาทกรรม" ที่สร้างขึ้นมาเพื่อชิงพื้นที่สื่อให้ตัวเอง และ “พรรคส้ม” ที่ช่วงนี้แผ่วปลายจนน่าใจหาย ? หรือไม่มีข้อมูลอยู่จริง เอาแต่ “เคาะกะลา” ?
ทวงแล้ว ทวงเล่า... ชาวเน็ตถึงขนาดเสนอให้ “โรม”หากมีข้อมูลจริงก็ไปแจ้งความเลยสิ รออะไร?
เพราะกระทั่ง "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้ข่าวยังลั่นวาจาว่าพร้อมสะสางขบวนการสแกมเมอร์อยู่แล้ว...เปิดไฟเขียวรอรับเรื่องแจ้งความจาก สส.โรม อย่างใจจดจ่อ แต่สุดท้าย...ก็ยังคงไร้ซึ่งอะไรในกอไผ่
ล่าสุด หลังประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่เจ้าตัวนั่งเป็นประธาน เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) ชาวเน็ต ก็ได้เห็นลีลาของโรม อีกครา แบบชนิดที่เรียกว่า ลีลานักการเมืองของแทร่ ด้วยการบ่ายเบี่ยง โบ้ยใบ้แบบ "หน้าด้านๆ" ว่า ไม่จำเป็นต้องมาท้าเปิดชื่อ!
เพราะเชื่อว่าหน่วยงานรัฐมีข้อมูลอยู่แล้วพร้อมทั้งยกเคส "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ที่รับลูกกันกับ "โรม" เป็นปี่เป็นขลุ่ย ออกมาพูดชื่อ "ช." นักการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์มาเป็นข้ออ้าง
งานนี้คิดๆไป ก็อดขำไม่ได้ ถ้าฝ่ายบริหารมีข้อมูลจริง และอยากจัดการ เขาจัดการไปนานแล้ว นี่ “โรม” เล่นโยนเผือกร้อน-โยนภาระไปให้ตำรวจ และหน่วยงานรัฐ ซะงั้น
ตอนอภิปรายฉอดๆ เก่งเหลือกำลัง พอโดนทวงให้เปิดชื่อ ก็บอกว่า ทำไมภาระการพิสูจน์ต้องตกอยู่กับฝ่ายค้าน ?...อ้าว!
แถมตอนนี้ ไม่ใช่ 7 คน “รังสิมันต์ โรม” บอกว่า จาก 7 คน นับๆแล้วตอนนี้กลายเป็น "เกิน 7 คนแล้ว!" มีคนที่ไม่ใช่นักการเมืองก็เข้ามา เป็นนักการเมืองอีกต่างหาก
สรุปแล้วข้อมูลอัปเดต หรือ โรม "มโน" เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กันแน่!?
ไหนจะอ้างว่า "สหรัฐฯ อังกฤษ" อยู่ไกลยังทำได้ แต่ไทยอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมทำไม่ได้... เอ้า! ถ้า “โรม” มีข้อมูลอยู่ในมือขนาดนั้นแล้วไม่เปิด มันก็จบที่รุ่นเรา... ทั้งหลายทั้งปวงโรมไม่เปิดเองไง!
เล่นใหญ่ คุยโวบอกว่า อยากจัดการตัวสำคัญอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ใช่ปลาซิว ปลาสร้อย... แต่สุดท้ายก็ตัวเองเป็น ปลาไหลใส่สเก็ต บ่ายเบี่ยงที่จะเปิดชื่อนักการเมืองไปมาอยู่นี่แหละ
“โรม” ยังพูดว่า เป็นห่วงเป็นใย กลัว "ทุนสีเทา" ยึดประเทศ กลัวเงินเหล่านี้มาใช้ในการแข่งขันทางการเมือง
ถ้าปากกล้าพอจะวิจารณ์ ก็ควรจะ "ใจกล้า" พอที่จะเปิดชื่อ "ตัวละครสำคัญ" ที่บอกว่า "ใหญ่มาก" และ "ครม.หลายคนก็รู้อยู่แล้ว" ออกมาให้สาธารณชนประณามได้แล้วมั้ย ? หรือว่า...ที่จริงแล้วกลัวโดนฟ้องกลับจนไส้แตก ?
ถึงตรงนี้ สรุปว่าเรื่องสแกมเมอร์ "รังสิมันต์ โรม" ยังคงตีกินไปเรื่อยๆ คำถามก็คือโรมเป็นนักการเมืองที่ "หิวแสง" จนตัวสั่นทุกครั้งที่เห็นกล้อง หรือไม่?
ถ้ามีข้อมูล "ของจริง" ที่สามารถสั่นสะเทือนปฐพีได้จริงอย่างที่พ่นวาจาไว้ในสภาฯ ต้องเปิดเผยออกมา และเดินหน้าเอาผิดหน่วยงานรัฐที่เพิกเฉยไปด้วยสิ ถึงจะเป็นฮีโร่ที่แท้จริง
ไม่ใช่พูดลอยๆ ขาดหลักฐาน อ้างนู่น อ้างนี่ แล้วโยนให้เป็นภาระของตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐให้ตัวเองพ้นจากความรับผิดชอบอยู่แบบนี้!
หรืองานนี้...ก็แค่ "วาทกรรม+เคาะกะลา" ที่ใช้หาเสียงไปวันๆ
++ “จุลพันธ์” เต็งหนึ่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนใหม่
หลังจาก "อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางให้พรรคได้ "ยกเครื่อง" จัดทัพ ปรับโครงสร้างใหม่ เตรียมรับศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
พรรคเพื่อไทย ได้นัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่กันในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.)
แคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่มีการพูดถึงตอนนี้ มี 4 คนคือ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์...จาตุรนต์ ฉายแสง...นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว...สุทิน คลังแสง
“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” สส.เชียงใหม่ อดีต รมช.คลัง ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เป็นลูกชายของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” อดีตรองนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ปริญญาโท การบริหารธุรกิจ(MBA) วิทยาลัยบอสตัน (Boston University) สหรัฐอเมริกา แต่งงานกับ “วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์” หรือ “ยิ้ม” ลูกสาว “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” อดีต สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย
เป็นสส.เชียงใหม่ สมัยแรก ในนามพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2548 และได้รับเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องรวม 5 สมัยแล้ว ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย มีผลงานสำคัญในช่วงที่เป็น รมช.คลัง คือ เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโครงการดิจิทัล 10,000 บาท
จุดเด่นของ “จุลพันธ์” คือ ได้ภาพของนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ด้านบริหารเศรษฐกิจ
“จาตุรนต์ ฉายแสง” ศิษย์เก่าสวนกุหลาบ เข้าเรียนคณะแพทย์ ม.เชียงใหม่ เป็นนายกสโมสรนักศึกษา แต่ขณะเรียนชั้นปีที่ 4 เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มีการกวาดล้างผู้นำนักศึกษา ทำให้ต้องไปใช้ชีวิตในป่าระยะหนึ่ง ภายหลังสถานการณ์คลี่คลายจึงกลับเข้าเมือง และไปศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาตรี และปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ที่บัฟฟาโล สหรัฐอเมริกา
เป็น สส.ครั้งแรก ปี 2529 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นย้ายไปอีกหลายพรรค กระทั่ง ปี 2544 ได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อเกิดรัฐประหารปี 2549 “ทักษิณ” ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย “จาตุรนต์” จึงได้เข้ามารักษาการแทนหัวหน้าพรรค ปัจจุบันเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง
จุดเด่นของ “จาตุรนต์” คือมีภาพลักษณ์เป็นนักต่อสู้ในฝ่ายประชาธิปไตย ที่ไม่เคยก้มหัวให้เผด็จการมาโดยตลอด
“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” สส.น่าน จบคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (MPA) นิด้า
เป็น สส.น่าน ครั้งแรกในปี 2543 สังกัดพรรคไทยรักไทย ถึงปัจจุบัน เป็น สส.น่าน มาแล้ว 6 สมัย มีความโดดเด่นในด้านงานสภา ระดับ “ดาวสภา” เคยเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทัพลุยเลือกตั้ง 2566 มาแล้ว
ช่วงหาเสียง “นพ.ชลน่าน” ประกาศไม่จับมือกับพรรคที่สืบทอดอำนาจเผด็จการรัฐประหาร คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ของสองลุง และพร้อมลาออกหากมีการตระบัดสัตย์...
สุดท้าย เมื่อพรรคเพื่อไทย ไปจับขั้วกับ พรรคสองลุง “ชลน่าน” ก็ถูกกระแสโซเชียลฯกดดัน ทวงถามจะลาออกกี่โมง จนอยู่ไม่ได้ ต้องลาเพื่อรักษาคำพูด และคนที่มาเป็นหัวหน้าพรรคแทนก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร”
จุดเด่นของ “นพ.ชลน่าน” คือ งานด้านสภา และเป็นคนง่ายๆ ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะถูกจับไปวางไว้ที่ตำแหน่งใหน ก็ขนาดเป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ได้เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ยังไม่บ่นซักคำ
“สุทิน คลังแสง” สส.มหาสารคาม มีบุคลิกประณีประนอม เนื่องจากอดีตเคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน เลยได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานวิปฝ่ายค้าน ในช่วงรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และสร้างชื่อจากการอภิปราย ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลลุงตู่
กระทั่งขึ้นชั้นมานั่น รมว.กลาโหม ในรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งถือว่าเป็นพลเรือนคนแรกที่ได้นั่ง รมว.กลาโหม โดยไม่ได้ควบตำแหน่งนายกฯ ... ก็ขนาด "บิ๊กเล็ก" พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ สายตรงลุงตู่ ในตอนนั้นยังได้เป็นแค่ รมช.กลาโหม
จุดเด่นคือ เป็นสส.อีสานเพียงคนเดียว ในบรรดาแคนดิเดตหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ ซึ่งฐานเสียงส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ก็อยู่ในภาคอีสาน
หากโจทย์ของการเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ต้องการคนรุ่นใหม่ ที่สามารถประสานกับคนรุ่นเก่าในพรรคได้ สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ที่เป็น “โหวตเตอร์” ได้ รอบรู้เรื่องนโยบายของพรรคและมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ สามารถไปดีเบต ในเวทีต่างๆ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้
ชื่อของ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” จึงน่าจะเป็นเต็งหนึ่ง
นี่พูดถึงเรื่อง “หัวหน้าพรรค” เท่านั้นนะ ...ไม่ได้พูดถึงเรื่อง “แคนดิเดตนายกฯ”


