นายกรัฐมนตรีออกเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี (APEC 2025 Korea) พร้อมพบปะผู้นำและผู้แทนใน 21 เขตเศรษฐกิจ ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจภูมิภาค สร้างโอกาสการค้า–ลงทุน เตรียมภูมิภาคให้พร้อมรับอนาคต
วันนี้ (วันพุธที่ 29 ตุลาคม 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะออกเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (APEC Economic Leaders’ Week – AELW) ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้หัวข้อหลัก “Building a Sustainable Tomorrow” หรือ “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน” ซึ่งมุ่งเชื่อมโยงภูมิภาคด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยในฐานะหนึ่งในประเทศสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งเอเปค มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเคยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ ปี 2535 ปี 2546 และปี 2565 ซึ่งในปี 2565 ไทยได้ผลักดัน “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” (Bangkok Goals on BCG Economy) ให้เป็นกรอบบูรณาการด้านความยั่งยืนฉบับแรกของเอเปคที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีเอเปค เพื่อแสดงบทบาทของรัฐบาลใหม่ในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นถึงศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่อประชาคมโลก พร้อมย้ำการสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยม (Multilateralism) ที่มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับการผลักดันสาขาความร่วมมือใหม่ที่เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาค เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การปรับตัวต่อโครงสร้างประชากร และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน
สำหรับภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 ทั้ง 2 ช่วง ได้แก่
- Session I (วันที่ 31 ตุลาคม 2568) หัวข้อ “Towards a More Connected, Resilient Region and Beyond” ซึ่งไทยจะเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐ–เอกชน เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก
- Session II (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568) หัวข้อ “Preparing a Future–Ready Asia–Pacific” ที่ไทยจะเสนอแนวทางเตรียมภูมิภาคให้พร้อมต่ออนาคตผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI นวัตกรรม และการสร้างการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
นอกจากนี้การประชุมหลัก นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญของภาคธุรกิจ ได้แก่
- การประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปค ประจำปี 2568 (2025 APEC CEO Summit) โดยนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “Bridge. Business. Beyond.”
- การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders) เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและผลักดันแนวทางความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน นวัตกรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การพบหารือกับ US - APEC Business Coalition ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่เป็นสมาชิกที่มีบทบาทในเอเปค
- การหารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและภาคธุรกิจสำคัญ รวมถึงเข้าร่วมงานเลี้ยงแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Gala Dinner) เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับผู้นำและผู้แทนภาคเอกชนสำคัญในภูมิภาค และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยบนเวทีเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ การประชุมผู้นำเอเปคในปีนี้ ที่สาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ เมืองคยองจู เมืองมรดกโลกของยูเนสโก ภายใต้ 3 แนวคิดหลัก Connect – Innovate – Prosper เพื่อมุ่งเชื่อมโยงภูมิภาคด้วยนวัตกรรมและขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน โดยคาดว่าจะมีเอกสารผลลัพธ์สำคัญจำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ 1) ปฏิญญาคยองจูของผู้นำเอเปค ครั้งที่ 32 2) ข้อริเริ่มเอเปคด้านปัญญาประดิษฐ์ (APEC AI Initiative) 3) กรอบความร่วมมือรองรับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรในภูมิภาค 4) ถ้อยแถลงผู้นำว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ และ 5) ถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 36
“การประชุมเอเปคครั้งนี้ ถือเป็นเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศครั้งสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะได้แสดงวิสัยทัศน์และศักยภาพของเศรษฐกิจไทยสู่สายตาประชาคมโลก โดยมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน และยกระดับบทบาทของไทยให้โดดเด่นในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกอย่างยั่งยืน” นายสิริพงศ์กล่าว


