xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน–จีน ย้ำความร่วมมือรอบด้าน ผลักดันเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน หนุนสันติภาพในภูมิภาค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายก “อนุทิน” ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน–จีน ครั้งที่ 28 ย้ำความร่วมมือรอบด้าน ผลักดันความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-จีน (ACFTA 3.0) หนุนสันติภาพในภูมิภาค เสริมห่วงโซ่อุปทาน–เศรษฐกิจสีเขียว

วันนี้ (วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 3 ศูนย์ประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้นำและผู้แทนประเทศอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงขยายโอกาสการค้า ภายใต้การยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ASEAN - China Free Trade Area 3.0 Upgradeซึ่งฝ่ายไทยลงนามโดย นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์


จากนั้น เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ 2 ชั้น 3 ศูนย์ประชุม KLCC นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน – จีน ครั้งที่ 28 โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียกย่องความสัมพันธ์อาเซียน - จีนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่เสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองให้กับภูมิภาค ไทยยินดีกับข้อเสนอของจีนในการกำหนดให้ปี 2569 เป็น “ปีแห่งอาเซียน – จีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปีของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership: CSP)”

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีนำเสนอ 3 แนวทางสำคัญ เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน ดังนี้

1. การส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนสามารถสนับสนุนอาเซียนในการเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ MSMEs และขับเคลื่อนการเติบโตสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และเกษตรอัจฉริยะ ไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินการตามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน ฉบับปรับปรุง (ACFTA 3.0) และการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนมีส่วนร่วมของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเสริมสร้างการค้าและการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค


2. การรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงข้ามพรมแดน โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ และภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หมอกควันข้ามพรมแดน โดยอาเซียนและจีนควรยกระดับความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย การแบ่งปันข้อมูล และการพัฒนาศักยภาพ เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนในภูมิภาค

3. การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนยึดมั่นในการเลือกเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพและการเจรจา ซึ่งไทยชื่นชมบทบาทของจีนในการส่งเสริมสันติภาพและการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นเมียนมาว่า ไทยพร้อมสนับสนุนความพยายามเพื่อสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การปรองดองอย่างแท้จริงและสันติภาพที่ยั่งยืน รวมถึงประเด็นทะเลจีนใต้ ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ถือเป็นความกังวลร่วมของภูมิภาค โดยไทยสนับสนุนการเสริมสร้างความไว้วางใจ และการผลักดันการเจรจาจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct: COC) ที่มีผลในทางปฏิบัติ มีเนื้อหาสาระชัดเจน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS)

นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า อาเซียนและจีนสามารถร่วมกันกำหนดอนาคตที่มีความเชื่อมโยงรอบด้าน มีเสถียรภาพ และสันติสุข เพื่อประโยชน์ของประชาชนในภูมิภาค และคนรุ่นต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น