xs
xsm
sm
md
lg

“พิชัย” ยินดีรัฐบาลสานต่อข้อตกลงภาษีสหรัฐฯ แนะ “แรร์เอิร์ธ” ต้องสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ-รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตรองนายกฯ พิชัย ยินดีรัฐบาลสานต่อกรอบความร่วมมือภาษีสหรัฐฯ แนะประเด็น “แร่แรร์เอิร์ธ” ต้องสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

นายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ตนขอชื่นชมรัฐบาลปัจจุบันที่เดินหน้ายึดหลักผลประโยชน์ของประเทศที่มีประชาชนไทยเป็นศูนย์กลาง ตามหลักการเดิมที่ทีมเจรจาภายใต้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ได้วางรากฐานไว้ การประกาศแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทย กับสหรัฐฯ ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันมายาวนาน และภายใต้กรอบความตกลงฉบับใหม่นี้ ทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าหารือเชิงลึกเพื่อสร้างข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรม สมดุล และยั่งยืน

นายพิชัย ย้ำว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเพียงแถลงการณ์ร่วม มิใช่ข้อตกลงผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขั้นต่อไปยังต้องเจรจารายละเอียดของตัวความตกลง ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอย่างเปิดเผย โปร่งใส เพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศ เกษตรกร และแรงงานไทยได้รับการคุ้มครองสูงสุด เราต้องการการค้าที่เติบโตพร้อมเกษตรกร แรงงาน และเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

“ในช่วงที่ผมเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย เราทำการบ้านอย่างรอบคอบ มีการร่วมมือกับภาคเอกชน สมาคมอุตสาหกรรมและเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อให้เงื่อนไขการเปิดตลาดและผลประโยชน์ที่จะแลกเปลี่ยนกันสามารถทำได้จริงและเอื้อต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า หลักการสำคัญของการเจรจา คือ ผลประโยชน์ร่วมและความเป็นธรรม (Mutual Benefit and Fairness) โดยไม่ใช่เพียงการเปิดตลาดสินค้า แต่รวมถึงโอกาสในการยกระดับมาตรฐานระบบเศรษฐกิจของไทย ให้โปร่งใส คล่องตัว และแข่งขันได้มากขึ้น เช่น

• ปรับปรุงขั้นตอนศุลกากรและระบบใบอนุญาตให้มีความทันสมัยและลดการผูกขาด
• ยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
• ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ การสวมสิทธิ์สินค้า และการทุจริตในพิธีการทางการค้า
• ส่งเสริมมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและแรงงานที่เป็นธรรม เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตควบคู่กับความยั่งยืน

สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวถึงว่า “ไทยจะเปิดตลาดสินค้าให้สหรัฐฯ ถึง 99%” นั้น ต้องเข้าใจว่า ในรายละเอียดยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ชัดเจน เช่น หลายรายการเปิดแบบ “ทยอย” หรือมี “โควตา” เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัวก่อน และหลายกลุ่มสินค้า เช่น ผลไม้เมืองหนาว หรือผลิตภัณฑ์จากนม ก็เป็นสินค้าที่เราเปิดให้ประเทศอื่นอยู่แล้ว ขณะที่สินค้าบางประเภท เช่น รถยนต์พวงมาลัยซ้าย หรือชิ้นส่วนอุตสาหกรรมบางชนิด แทบไม่มีตลาดในประเทศไทยอยู่ก่อน

นายพิชัย กล่าวว่า ในทางกลับกัน ไทยเองก็จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรและพลังงานที่มีศักยภาพ เช่น ข้าวโพด กากถั่วเหลือง DDGS สำหรับอาหารสัตว์ที่ตลาดยังต้องการ และมีศักยภาพขยายตัวได้ มีตลาดรองรับ แต่ยังขาดวัตถุดิบ ต่อมา แก๊ส LNG และผลิตภัณฑ์พลังงาน ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมส่งมอบในราคาที่เป็นธรรม และการจัดซื้อเครื่องบิน Boeing เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการบินของไทย

ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นไปภายใต้หลักการ “ไทยอยากซื้อ-สหรัฐอยากขาย-ต้องเป็นธรรมต่อไทย” พร้อมทั้งมีกลไกคุ้มครองเกษตรกร เช่น การกำหนด Import Window และสัดส่วนการนำเข้าต่อการรับซื้อผลผลิตในประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อภาคเกษตรกรรม

“เพราะเศรษฐกิจที่แข่งขันได้ เกิดจากกติกาที่เป็นธรรม ไม่ใช่การเปิดตลาดแบบไร้เงื่อนไข และความสัมพันธ์ทางการค้าไม่ใช่เรื่องใครได้ใครเสียทั้งหมด แต่เป็นความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ร่วมที่เป็นธรรม” นายพิชัย กล่าว

ส่วนประเด็นแรร์เอิร์ธ (Rare Earth) หรือแร่หายาก นั้น นายพิชัย ยืนยันว่า ในช่วงที่ตนเป็นหัวหน้าคณะเจรจา ไม่เคยมีการหารือประเด็นนี้ในโต๊ะเจรจา และรัฐบาลควรตระหนักถึงมิติทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้น แต่หากอนาคตไทยมีศักยภาพด้านนี้จริง ก็ถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส บนมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้ประเทศเสียประโยชน์ โดยมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

“สุดท้าย ผมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่สานต่อเจตนารมณ์ของทีมเจรจาเดิม และหวังว่ากรอบความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ข้อตกลงการค้าที่เท่าเทียม เป็นธรรม และเกิดประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทยในระยะยาว” นายพิชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น