นายกฯ - กกต.แถลงรวมทำประชามติแก้ รธน.- MOU - เลือก สส. ใช้งบเฉียดหมื่นล้าน ยันประหยัดกว่าแยก ส่ง “บวรศักดิ์-ภราดร” นั่งคณะทำงานร่วม กกต.กำหนดรายละเอียดทำประชามติ นายกฯ ยันต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะ 31 ม.ค. 69 ก็ยุบสภา
วันนี้ (24 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาคณะรัฐมนตรี และ นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เดินทางมาสำนักงาน กกต เข้าประชุมกับ กกต. นำโดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และคณะกรรมการ กกต. เพื่อหารือแนวทางจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MOU 2543) และ (MOU 2544) ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีสื่อมวลชนมาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก
ภายหลังการประชุมราว 1 ชม.นายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือเบื้องต้นเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งทั่วไป หากจะมีขึ้นในวันใด กระบวนการทำงาน งบประมาณที่เกี่ยวข้องจะเป็นอย่างไร และปัจจัยในการจัดวันเดียวกันขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง โดยทั่วไปเป็นการคุยกันกว้างๆ มากกว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดที่จะต้องตัดสินใจอะไรในขณะนี้
ส่วนเรื่องจำนวนบัตรจากการหารือจะต้องมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบสำหรับแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ณ ขณะนี้ได้วางแนวไว้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ก็จะมีบัตรประมาณ 4 ใบ ซึ่งปัจจัยพวกนี้จะต้องดูวิวัฒนาการ ที่จะมีขึ้นเวลาตั้งแต่ปัจจุบันนี้จนถึง ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งมีการพูดคุยกันว่าจะต้องมีบัตรเพิ่มขึ้นแน่ๆ ทั้งนี้ คิดว่า น่าจะมีปัญหากับประชาชนในเรื่องของการจดจำบัตรที่เพิ่มขึ้นบ้าง ดังนั้น เราจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการให้มั่นใจที่สุด ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิออกเสียง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะไม่สับสน ซึ่งเราจะลงไปในรายละเอียดและจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า กกต.มีความพร้อมที่จะปฏิบัติ หรือมีความเห็นอย่างไรกับตาม พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ถึงเป็นฉบับเก่า กกต.ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม และเมื่อมีฉบับใหม่ประกาศใช้ก็พร้อม ที่จะปฏิบัติตามนั้น ส่วนจะนับคะแนนอย่างไรนั้นยังไม่ได้คุยในรายละเอียด รวมถึงยังไม่ได้คุยในวิธีบริหารจัดการ จะนับ สส.ก่อนหรือนับประชามติก่อน จะต้องรอพูดคุยกัน
เมื่อถามถึงงบประมาณที่จะใช้สำหรับการทำประชามติ และการเลือกตั้งควบคู่กันไป นายอิทธิพร กล่าวว่า ตัวเลขกลมๆ ที่ประมาณการอยู่ ณ ขณะนี้ หากทำพร้อมกัน จะอยู่ที่ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท ส่วนถ้าทำแยกกันจะใช้งบประมาณรวม 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งคำนวณจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2569 จำนวน 53 ล้านคน เพราะฉะนั้นการทำควบคู่กันประหยัดแน่นอน
เมื่อถามว่า การทำประชามติจะครอบคลุมการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้แล้วนี้ให้มีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะมีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วย
ด้าน นายอนุทิน ตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ยืนยันที่จะทำประชามติ MOU ฉบับที่ 43 และ 44 แม้มีเสียงนักวิชาการและนักการเมืองหลายคน แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ ว่าเรื่องนี้อยู่ในนโยบาย ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว
เมื่อถามว่า การทำประชามติเรื่องนี้จะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า จากนี้จะมีการหารือผ่านคณะทำงานที่ตั้งร่วมกัน ซึ่งมี นายบวรศักดิ์ และนายภราดร ที่จะต้องมาทำงานร่วมกันกับกกต. ส่วนจะทราบความชัดเจนในกรอบการทำงานอย่างไรนั้นขอย้ำว่าก็ต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะว่าถึงอย่างไร 31 ม.ค. 2569 ก็ยุบสภา


