ผู้ประกอบการ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อง “กมธ.ท่องเที่ยว” หลังสูญกว่า 9 พัน ล. จากเหตุปะทะ พร้อมเสนอมาตรการให้รัฐเยียวยา ย้ำ จังหวัดปลอดภัย-เสนอจัด “เที่ยวชายแดนคนละครึ่ง” ฟื้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (9 ต.ค.) น.ส.ชนก จันทาทอง สส.จังหวัดหนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว พร้อมด้วย นายยอดชาย พึ่งพร สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะกรรมาธิการการท่องเที่ยว ตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการ เรื่องมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
โดย น.ส.ชนก ระบุว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เข้ามารับหนังสือตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และก็รับทราบถึงข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ ทั้ง 11 ข้อ ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการก็ได้พิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งบางเรื่องรู้สึกตกใจ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร รถเช่า ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรม เพราะถูกลูกค้าทั้งเลื่อนและยกเลิกห้องพัก ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องเลิกจ้างแรงงาน แต่ยังไม่ปิดกิจการ โดยจากข้อมูลที่มีพบว่าจังหวัดที่น่าเป็นห่วง คือ จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดศรีสะเกษ
น.ส.ชนก ระบุอีกว่า ทางคณะกรรมาธิการเข้าใจดีว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ก็อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลใหม่ให้เยียวยาผู้ประกอบ อีกทั้งอยากให้ไทยช่วยไทยด้วย และประการสำคัญ คือ ในระยะสั้นนี้อยากให้มีโครงการเฉกเช่นโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง จัดขึ้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ 7 จังหวัดชายแดนดังกล่าว มีการปะทะเพียงบางจุดเท่านั้น ไม่ได้ปะทะทั้งจังหวัด ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนเข้าไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงานได้
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการ เปิดเผยว่า นับแต่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ตัวเลขความเสียของการท่องเที่ยว 7 จังหวัด อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท โรงแรมภายในจังหวัดสระแก้วได้เลิกจ้างแรงงานทั้งแรงงานไทยและกัมพูชา รวมแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงภาคส่วนต่างๆ ให้สื่อสารกับสังคม ว่า จังหวัดชายแดนนั้น ปะทะเพียงบางจุดเท่านั้น ไม่ไช่ปะทะทั้งจังหวัด ภาพรวมส่วนใหญ่ของจังหวัดปลอดภัยดี อย่างทะเลจันทบุรี ทะเลตราด ก็ปลอดภัย
สำหรับมาตรการการบรรเทาความเดือดร้อนที่ผู้ประกอบการต้องการให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือในสถานการณ์เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้เสนอแนวทางบรรเทาความเดือดร้อน อาทิ จัดโครงการ “เที่ยวชายแดนคนละครึ่ง” ใน 7 จังหวัดชายแดน จัดมหกรรมหรือเทศกาลท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการเดินทาง ออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้ผู้เดินทางและผู้ใช้บริการท่องเที่ยวในพื้นที่ ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ พักชำระหนี้-ยกเว้นดอกเบี้ย พร้อมเปิดโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะสั้น 6 เดือน รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้อย่างยั่งยืน
น.ส.ชนก ย้ำว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารภาพลักษณ์พื้นที่ชายแดนให้ถูกต้อง และออกมาตรการเยียวยาเร่งด่วน


