“เอกนัฏ” ไม่กั๊ก เข้า ภท. เลือกตั้งครั้งหน้า บอกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว รับเคลียร์ “พีระพันธุ์” เหตุไขก๊อกแม่บ้าน รทสช. เพราะต้องการแนวทางทำงานหนักแน่น-มั่นคง ร่วม “สุชาติ” ได้ ไม่เอาปัญหาส่วนตัวมาเอี่ยว ยินดีร่วมงานทุกคน เพื่อเดินตามอุดมการณ์
วันนี้ (7 ต.ค.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ สส. พรรคภูมิใจไทย และแสดงเจตจำนงเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ได้พูดคุยและซักซ้อมว่าในช่วงเวลาสภาที่เหลือจะทำงานร่วมกันอย่างไรให้สภาไม่ล่ม หรือมีวาระกฎหมายสำคัญ ที่ตนมีส่วนร่วมด้วย เช่น ร่าง พ.ร.บ.ปล่อยข้อมูลข่าวสารมลพิษของโรงงาน ร่าง พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าและกฎหมายอื่นๆ หลายฉบับ รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องซักซ้อมก่อนที่จะครบ 4 เดือน ก่อนที่จะมีการยุบสภา
เมื่อถามว่า เป็นการมาประชุมกับ สส. ไม่ใช่การมาซบพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนมาชัดเจนขนาดนี้ แต่ในระหว่างนี้ก็เป็นการทำงานร่วมกันในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไปจนถึงหมดวาระสภา แต่ในฐานะที่เป็น สส.ในส่วนที่โหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกันมารับทราบถึงแนวทางการทำงานในพื้นที่ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอะไรต่างๆ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์
ส่วนเหตุผลที่อนาคตจะมาอยู่พรรคนี้ เพราะอะไรนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนทำการเมืองด้วยความชัดเจนมาตลอดชีวิตว่าไม่ชอบความครึ่งๆ กลางๆ ตั้งแต่ตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่มีคลิปเสียง ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม รวมถึงตนเอง ว่า ทุกคนน่าจะต้องตัดสินใจก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ถือว่าไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน เที่ยวนี้เราแสดงจุดยืนชัดเจน ในจุดยืนที่เราเป็นการเมืองฝ่ายขวาในเรื่องความมั่นคงเรื่องของชายแดน เรื่องของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตนในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลายคนได้เห็นบทบาทในการต่อสู้กับทุนเทา อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญกับธุรกิจเถื่อน ที่เอาเปรียบธุรกิจของประชาชนคนไทยก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับธุรกิจเหล่านั้นและคนไทยด้วย ซึ่งแนวทางเหล่านี้คิดว่า ต้องพูดกันตรงๆ ว่า มีพรรคภูมิใจไทยพรรคหนึ่งที่ยืนหยัดต่อสู้ เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างชัดเจนและแสดงท่าทีจุดยืนที่ชัดเจน และได้ใจพวกเรา พูดกันแบบตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า ได้มีสัญญาใจอะไรกันหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในวันนี้ ได้ประชุม สส.ร่วมกัน ตนคิดว่าจะตัดสินใจอะไรคิดถึงส่วนรวมให้มาก ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเพราะ 3-4 เดือนก็จะสู่โหมดเลือกตั้งแล้วถึงเวลานั้นหลายคนก็มีโอกาสได้ตัดสินใจว่า แต่ละคนจะทำอย่างไง วันนี้ ตนชอบอะไร ที่ชัดเจนไม่ชอบกั๊ก คิดว่าที่ทุกคนมาร่วมกันเป็นตัวแทน สส.มาประชุม สัญญาณที่ส่งไปชัด มากันทุกคน มี นายจุติ ไกรฤกษ์ ก่อนหน้านี้ นายชุมพล จุลใส ก็นำทีม อบจ.ชุมพร สจ. หลายคนมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว รวมถึงทีมงานสุดซอยของตนด้วย
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเดินหน้าต่ออย่างไร นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว แต่ตนยืนยันว่า การลาออกเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมยืนยันว่า นายพีระพันธุ์ เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่แนวทางการทำงานของตนต้องการความหนักแน่น ความมั่นคง จึงได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรค
อีกทั้งส่วนหนึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับกลุ่ม สส. ทั้งกลุ่มชุมพร สุราษฎร์ธานี ราชบุรี พิษณุโลก และแพร่ ได้ตัดสินใจกำหนดอนาคตของตัวเองอย่างเป็นอิสระ เพราะที่ผ่านมา ทำงานร่วมกันมาตลอด ซึ่งการปลดล็อกของตน ก็ทำให้กลุ่ม สส.ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังเหลือเวลาอีก 4-6 เดือน เหลือเฟือพอที่จะให้หัวหน้าพรรคได้บริหารงาน สามารถขับเคลื่อนทัพตามแนวทางที่กรรมการบริหารพรรคกำหนดไว้ได้ ไม่ได้ทำให้เสียโอกาส รวมทั้งวันนี้แม้จะลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้ว,แต่ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ สส.ให้เต็มที่
เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้ จะทำงานร่วมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น ภายในพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายเอกนัฏ ระบุว่า ตราบใดที่คิดเรื่องใหญ่ อย่าเอาปัญหาส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง รายการทำงานการเมืองที่ผ่านมา ไม่เคยมองเรื่องความแตกแยก ความขัดแย้ง แล้วมาการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยินดีที่จะร่วมงานกับทุกคน เพื่อเดินหน้าตามอุดมการณ์ของพรรค ก็มีแค่นั้นเอง และถือเป็น DNA ที่อยู่ในตัวเราเสมอ



