xs
xsm
sm
md
lg

“วนศาสตร์-ส.อุทยานฯ” จ่อร้องศาล รธน.-ป.ป.ช.เบรกนิรโทษคดีรุกป่า ชี้ หว่านแหทุกที่ดินรัฐย้อน 70 ปี รวม “เขากระโดง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศิษย์เก่าวนศาสตร์-ส.อุทยานฯ” เดือดจ่อร้องศาล รธน.- ป.ป.ช.เบรกนิรโทษคดีรุกป่า ขู่ฟัน 42 สส. 3 พรรคร่วมเสนอโทษถึงยุบพรรค ฉะ “นิรโทษผี” ย้อนกว่า 70 ปี หวั่นแอบอ้างรับสิทธิ ชี้ หว่านแหที่ดินรัฐทุกประเภท “เขากระโดง” ส่อรอด “ศักดา-สว.ชีวะภาพ” ร่วมฟังรับลูกคุยนายกฯ หวั่นเสียพื้นที่ป่า

วันนี้ (24 ก.ย.) ที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาคมศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ ร่วมกับสมาคมอุทยานแห่งชาติ จัดประชุมวาระพิเศษ เพื่อหารือกำหนดแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมการบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่า โดยมี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. ในฐานะอดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรฯ และศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารกระทรวงทรัพยากร ตัวแทนกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมในการประชุม

โดย นายศักดา กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเหมือนเป็นตัวต่อจาก พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ซึ่งตนเป็นฝ่ายผู้คัดค้านอย่างหนัก เพราะมีสาระสำคัญในการออกกฎหมายเพื่อให้ใช้พื้นที่ป่าได้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.นี้ โดยไม่มีกฎหมายอื่นใดมาบังคับใช้ร่วม ทำให้เหมือนมีกฎหมายซ้อนกฎหมายเป็นรัฐอิสระ จึงได้ร่วมกันกดดันให้ตัดข้อความบางส่วนออกไป เพื่อปกป้องพื้นที่ป่าเอาไว้ โดยตนเข้าใจว่า สส.ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องกฎหมายป่าไม้และที่ดินอย่างเพียงพอ จึงคิดว่าจะพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยเพื่ออธิบายให้เห็นถึงผลเสียที่จะตามมาในอนาคต หากกฎหมายนี้มีการบังคับใช้ ซึ่งตนพร้อมให้ความร่วมมือในทุกด้านเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพยากรของชาติ

ด้าน นายชีวะภาพ กล่าวว่า ได้เห็นหลักการและเหตุผลร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีคนบุกรุกป่าทั้ง 2 ฉบับ พบว่า เนื้อหาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จึงตั้งคำถามว่า สส.บางคนที่ไปลงชื่อสนับสนุนโหวตอาจไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ถ้าออกมาแบบนี้เสือดำที่ตายไปคงตายตาไม่หลับ เพราะจะทำให้ป่าเหลือเพียง 45% ถูกบุกรุกเพิ่ม ดังนั้นถามว่าคนส่วนใหญ่จะยอมให้ผ่านหรือ เหตุผลที่ต้องออกมาพูดดัง ๆ เพราะเป็นห่วงว่าการที่ ฝ่ายการเมือง 2 พรรคผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังมีความคลาดเคลื่อนทั้งตัวเลขชาวบ้านที่ติดในคดีบุกรุกป่าตามคำสั่ง คสช.หรือคดีอื่นๆ ซึ่งอาจได้มาจากการรวมคดีจากอินเตอร์เน็ต และเหมารวมคดีป่าไม้ สัตว์ป่าเข้าไปจนมีตัวเลขสูงถึง 20,000 กว่าคดีและมีพื้นที่กว่า 4 ล้านไร่ ไม่ได้คัดกรองคนเดือดร้อนที่เป็นชาวบ้านจริง ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ ได้มีกระบวนการดำเนินการอยู่แล้ว

นายชีวะภาพ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังห่วงว่าจะเป็นช่องว่างให้กลุ่มทุนที่บุกรุกป่าไม้แปลงใหญ่ในหลายพื้นที่ทั้งสวนทุเรียนที่มีทุนเทา หรืออุทยานแห่งชาติชื่อดังหลายแห่งจะถูกฟอกให้ครอบครองที่ดินไปง่ายๆ ประเด็นสำคัญคณะกรรมการกลั่นกรองที่มี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. ยุติธรรมจังหวัด มี ทสจ.1 คนและผู้เชี่ยวชาญ 3 คนคือใคร จุดนี้จะเปิดโอกาสให้เกิดการวิ่งเต้น และขั้นตอนการการพิจารณาจะเป็นการทำลายล้างระบบยุติธรรม เพราะไม่สอดคล้องกับแนวนโยบายกฎหมายของแต่ละหน่วยงานเช่น กฎหมายที่ดิน และกระทบต่อการออกเอกสารสิทธิ

ด้านตัวแทนจากกรมอุทยานฯ กล่าวว่า วันนี้ภาพใหญ่ด้านการอนุรักษ์จะอยู่เฉยไม่ได้ โดยที่ผ่านมาพบว่า สส.ร่วมลงชื่อในส่วนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎรฯ ฉบับพรรคประชาชนเป็น สส.ของพรรคทั้ง 20 คน แต่ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.ยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลฯ ฉบับพรรคประชาชาติ มีทั้ง สส.พรรคประชาชาติและพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเซ็นชื่อเสนอกฎหมาย ในขณะที่หัวหน้าพรรคนั่งเป็น รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ อยู่ แต่ลูกพรรคกลับร่วมเซ็นชื่อในกฎหมายนี้ด้วย สาระสำคัญคือยกเว้นความผิดและคืนสิทธิในที่ดินในคดีที่ดินป่าไม้ โดยทั้ง 2 พรรคเขียนเหมือนกัน ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านกับรัฐบาล เพราะคนเขียนกฎหมายคือตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มหนึ่ง

ตัวแทนกรมอุทยานฯ ระบุต่อว่า ทั้งนี้ การกระทำที่ยกเว้นโทษคือผู้ที่บุกรุกยึดถือครอบครอง ก่อสร้างแผ้วถางในกฎหมายป่าไม้ แม้มีมติสภาให้ใช้ฉบับพรรคประชาชนเป็นหลัก แต่มีฉบับพรรคประชาชาติประกบด้วย ดังนั้นตัวการก่อเหตุ ผู้ทำผิด จะได้รับเว้นโทษทั้งหมด โดยฉบับของพรรคประชาชน นับจาก 30 มิ.ย. 41 ส่วนพรรคประชาชาติคือก่อนวันที่ 1 ธ.ค. 2497 จนถึงวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ฉบับพรรคประชาชนให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัดพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ก่อนส่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดที่มี รมว.ยุติธรรม เป็นประธานพิจารณา ส่วนฉบับประชาชาติทุกจังหวัดต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งรวมไปถึงที่ดินรัฐของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นที่ราชพัสดุ ที่ดินการรถไฟ ซึ่งอาจจะรวมที่ดินเขากระโดงเข้าไปด้วย

ตัวแทนกรมอุทยานฯ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนั้น นิรโทษกรรมเสร็จยังได้รับสิทธิ์ในที่ดินด้วย ย้อนหลังไป 70 ปี คนถางป่าตายแล้ว ในมาตรา 3 ฉบับพรรคประชาชน ยังเขียนไว้ว่าให้ญาติรับสิทธิได้ จึงขอเรียกว่าเป็นการนิรโทษกรรมผี ซึ่งอาจเปิดช่องให้มีผู้มาแอบอ้างรับสิทธิได้ ถึงแม้ตอนจับจะไม่พบผู้กระทำผิด ดังนั้น จึงเป็นการสอดไส้เขียนกฎหมาย เพราะอาจมีคนแสดงตนเป็นญาติมาขอรับสิทธิได้ เสมือนไม่เคยตรวจยึดมาก่อน และที่อันตรายกว่าคือช่วงระหว่างพิสูจน์สิทธิให้ทำกินชั่วคราวในที่ดินนั้นช่วงรอการรับสิทธิหรือหนังสืออนุญาต ภาษากฎหมายคือเขียนว่าชั่วคราว แต่ความหมายคืออยู่ได้เลย ซึ่งอาจทำให้มีคนไปถางป่ารอตั้งแต่วันนี้ หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ความโกลาหลจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้น ประเด็นแรกคือนิรโทษกรรมจนถึงวันที่กฎหมายบังคับ คนที่รู้ว่ากฎหมายอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งนั่งอยู่ใน กมธ.ด้วย ก็อาจจะส่งสัญญาณให้ชาวบ้านไปถางป่ารอไว้ได้เลย และจะมีบุกกรุกใหญ่เมื่อได้รับสัญญาณ ดังนั้นในส่วนเจ้าหน้าที่ระหว่างนี้ต้องจับกุมดำเนินคดีไว้ก่อน และรอดูว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ทั้งนี้ ยืนยันว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ไม่ควรรวมเรื่องสิทธิที่ดินเข้าไปด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุป คือ จะยื่นข้อเสนอต่อสภาขอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้ง 2 ฉบับออกจากการพิจารณาวาระ 2 เพราะมีเนื้อหาขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญด้านจริยธรรม และผลประโยชน์ของรัฐ นอกจากนี้ สส.42 คน ที่ลงชื่อในร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับอาจมีเพราะเข้าข่ายความผิดโฆษณาชวนเชื่อว่ารุกป่าได้โดยไม่มีความผิด ซึ่งสามารถร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และอาจถึงขั้นยุบพรรคได้ โดยสมาคมวนศาสตร์ และสมาคมอุทยานฯ จะส่งตัวแทนยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ในความผิดตามมาตรา 157 และมาตรฐานจริยธรรมฯ 2561 เพราะการเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งพื้นที่ป่าในการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี อันเป็นประโยชน์ของชาติและความมั่นคงของรัฐ นอกจากนี้ จะมีการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีป่าไม้ทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ พร้อมทั้งยื่นเรื่องต่อ สว.เพื่อขอให้รวบรวมรายชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เสนอความเห็นผ่านประธานวุฒิสภาเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อไป รวมทั้งจะมีการจัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น