ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา เสนอแนวคิดแก้รธน.โมเดล “ก้าว 2 ขา บันได 2 ขั้น” เพื่อสร้างความหลากหลายและการมีส่วนร่วมสูงสุด เผยยังมี ส.ว.บางส่วนกังวลประเด็นหมวด 1–2 แต่เตรียมเดินสายสร้างความเข้าใจ
วันที่ 24 ก.ย.นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงถึงความคืบหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าขณะนี้ กมธ.กำลังศึกษาร่างของทุกพรรคการเมือง และรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในประเด็นที่ระบุว่าประชาชนไม่สามารถเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ได้โดยตรง ซึ่ง กมธ.เคารพคำวินิจฉัย แต่ยังยืนยันหลักการตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติว่าประชาชนเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยสถาปนารัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐสภาควรยืนหลักการนี้แทนประชาชน
นายสรเศรษฐ์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นในหลายภาค ประชาชนเกือบทั้งหมดต้องการเลือก ส.ส.ร.ด้วยตนเอง และให้มีตัวแทนจากจังหวัด โมเดลที่ กมธ.เสนอจึงเป็นแบบ “ก้าว 2 ขา บันได 2 ขั้น” โดยแบ่ง ส.ส.ร. 200 คน จากตัวแทนพื้นที่ คิดตามสัดส่วนประชากร จังหวัดใหญ่มีได้ไม่เกิน 5 คน และอีก 200 คนจากบัญชีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญ ให้สมาชิกรัฐสภาเลือกโดยมีกฎจำกัดคะแนนเพื่อป้องกันการผูกขาด
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่าข้อเสนอของเราได้อยากให้ ส.ส.ร. ที่ได้รับการคัดเลือก 200 คน ส่วนหนึ่งไปเป็นกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนหนึ่งไปเป็นกรรมการรับฟังความคิดเห็น แต่อีก 200 คนที่ไม่ได้ถูกเลือก ยังมีหน้าที่ไปอยู่ในกรรมการรับฟังความคิดเห็น และกรรมการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อให้ 400 คนที่ประชาชนได้เลือกมามีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นโมเดลที่ กมธ.ร่างขึ้นมาในหลักการ ส.ส.ร. อย่างน้อยยังมีการเลือกจากประชาชนโดยตรงขั้นหนึ่ง ก่อนจะให้สมาชิกรัฐสภาเลือกต่อ โดยมีสัดส่วนคะแนนที่ไม่ถูกเลือกโดยเสียงข้างมาก กมธ.จะนำแนวคิดนี้ไปแลกเปลี่ยนในสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเวทีต่างๆ และจะจัดกิจกรรมต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เวทีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการจัดทำประชามติ
“โมเดลนี้ยังเป็นเพียง “ตุ๊กตา” เพื่อเสนอถกเถียงต่อในรัฐสภาและเวทีสาธารณะ พร้อมจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้าเพื่อรับฟังเสียงประชาชน แต่ แนวคิดนี้ยังไม่ได้นำเสนอในวุฒิสภา เป็นการศึกษาของ กมธ.ฯ แต่จากการแนวพูดคุยกันในกมธ.ก็มีทั้งเห็นด้วยและยังมีข้อกังวล เมื่อได้อธิบายหลักการและเหตุผล หลายคนมีความเข้าใจ และหากมีโอกาสจะเดินสายทำความเข้าใจกับ สว.“
เมื่อถามว่าแนวคิดนี้มีความสอดคล้องกับร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่ให้ประชาชนเลือกมาลำดับแรก แต่ต่างจากของพรรคภูมิใจไทยที่อาจจะไม่ได้ให้ประชาชนร่วมเลือก เพราะกังวลจะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าจะไปต่อด้วยกันยากง่ายอย่างไร นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ความเห็นของพรรคภูมิใจไทย เป็นข้อกังวลที่ทุกพรรคการเมืองก็กังวล ซึ่งอาจจะเปิดช่องให้มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าใจในความกังวลของพรรคภูมิใจไทย และหลักการที่สำคัญของรัฐธรรมนูญ ระบุชัดว่าประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภายืนยันหลักการนี้ อย่าเพิ่งประเมินไปเองว่าศาลจะวินิจฉัยอะไรที่ขัดกับหลักการตรงนี้
เมื่อถามว่า กมธ.มีความกังวลเรื่องการใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ที่เสี่ยงต่อการกินรวบหรือฮั้วหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มีความกังวลว่าถ้าสุดท้ายเสียงที่ต้องโหวตเลือก ส.ส.ร. ต้องอาศัยเสียงในรัฐสภาเป็นเสียงส่วนใหญ่ อาจทำให้สัดส่วนของ ส.ส.ร. ถูกชักจูงไปได้ จึงเป็นที่มาของโมเดลของ กมธ.นี้
เมื่อถามว่าเงื่อนไข 1 ใน 3 ของเสียง สว.ที่จะเห็นชอบด้วย ยังเป็นข้อกังวลอยู่หรือไม่ หรือประเมินแนวโน้มว่าจะสามารถผ่านวาระแรกได้ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ยังมี สว.ที่ยังมีคำถาม รวมถึงมีข้อกังวลว่าถ้ามีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเป็นการให้เช็กเปล่าหรือหมวดหนึ่ง หมวดสอง จะถูกแตะต้องหรือไม่ จึงต้องเดินหน้าทำความเข้าใจ ตนคิดว่า ส.ส.ร. ที่เราเลือกไปจะเห็นความสำคัญของหมวดหนึ่ง หมวดสอง เชื่อว่าต้องเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นของประชาชน