xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ตั้งไต่สวน 5 จนท.สั่งรับคดี “โจ๊ก” และพวกโดยมิชอบ ส่อเจตนาช่วยผู้ถูกร้อง “สุภา” รอด ไม่อยู่ในอำนาจวินิจฉัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล - แฟ้มภาพ
ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวน 5 เจ้าหน้าที่ ร่วมกันสั่งการรับคดี “บิ๊กโจ๊ก” และพวกเอี่ยวพนันออนไลน์มาดำเนินการโดยมิชอบ ส่อเจตนาช่วยเหลือผู้ถูกร้อง เผย “สุภา ปิยะจิตติ” โดนกล่าวหาด้วย แต่ไม่อยู่ในอำนาจวินิจฉัยของกรรมการ ป.ป.ช.

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จำนวน 5 ราย ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 กรณีร่วมกันสั่งการและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับคดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์มาดำเนินการเองโดยมิชอบ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในช่วงเดือน พ.ย. 2566 กองกำกับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ได้ส่งสำนวนสอบสวนกรณีมีผู้ร้องทุกข์กล่าวหาให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวน หลังจากนั้น ในช่วงเดือน ธ.ค.2566 บก.สอท.1 ได้ส่งสำนวนเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษในส่วน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล กับพวกรวม 5 คน มาเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้ง 5 ราย ได้ร่วมกันรับเรื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้นำเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาว่าเข้าเหตุตามระเบียบ ป.ป.ช.หรือไม่ ขณะที่ในชั้นการตรวจสอบเรื่องซ้ำก็ไม่ได้พิจารณาเนื้อหาหนังสือการส่งสำนวนของ ป.ป.ช.คืนให้กับพนักงานสอบสวน กระบวนการรับเรื่องดังกล่าวกระทำอย่างรวบรัดผิดปกติ ทั้งที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ต้องกระทำด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และให้ถูกต้องตามขั้นตอนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด

นอกจากนี้ ยังพบว่า พนักงานกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นไม่ได้ตรวจสอบหรือทำความเห็นแย้งใดๆ ทั้งที่กระบวนการตรวจรับเรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมายอยู่เป็นประจำ ซึ่งการละเว้นไม่ดำเนินการตามระเบียบจะส่งผลกระทบต่อขั้นตอนการไต่สวน ทำให้ผู้กระทำความผิดสามารถหยิบยกเป็นข้อต่อสู้ได้ และทำให้กระบวนการไต่สวนเสียไป ไม่อาจนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้

พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้ง 5 ราย มีเจตนาร่วมกันเป็นตัวการเพื่อการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง และมีเจตนาช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล กับพวกรวม 5 คน และมีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนต่อไปได้

สำหรับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 5 ที่ถูกตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีนี้เป็นผู้อำนวยการสำนัก 2 ราย นิติกรปฏิบัติงาน 2 ราย และพนักงานไต่สวนระดับสูง 1 ราย

ขณะเดียวกัน กรณีนี้มีการกล่าวหา นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 45 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ได้กำหนดวิธีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินคดีกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้

สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 49 ระบุว่า ในกรณีที่มีการกล่าวหาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ว่ากรรมการ ป.ป.ช.ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหาและเสนอเรื่องมายังประธานศาลฎีกา ให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระตามมาตรา 50 เพื่อดําเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและทําความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่มีมติชี้มูลความผิดแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น