xs
xsm
sm
md
lg

ภูมิใจไทยชงร่างแก้ รธน. ชูโมเดล ส.ส.ร.99 คน ปชช.เลือกมาจังหวัดละคนบวกผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านอีก 22 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ภราดร” เตรียมชงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทย เลือกตัวแทน ส.ส.ร. จังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน เลือกจากนักวิชาการ-ผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้าน 22 คน เชื่อไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วอน “พริษฐ์” อย่าหวาดระแวงกันเอง เกรงสะดุดไม่ทันเวลา อย่าเปิดช่องให้กลุ่มที่ไม่อยากแก้ไข

วันที่ 23 ก.ย.นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึง การเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทยว่า พรรคภูมิใจไทยได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 ได้ให้สมาชิกลงชื่อ ในส่วนของพรรคใกล้จะครบถ้วนแล้ว และจะลงชื่อเพิ่มเติมในการประชุมพรรคบ่ายวันนี้(24 ก.ย.) แต่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีเพียง 69 เสียงก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องไปขอเสียงเห็นชอบจาก เพื่อนสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ซึ่งตามข้อตกลงหรือ MOA ก็มี 146 คน โดยจะได้มีการหารือนอกรอบ รวบรวมรายชื่อกัน คิดว่าในวันนี้แต่ละพรรคการเมืองก็จะมีการประชุมพรรคคาดว่าวันนี้น่าจะได้รายชื่อครบถ้วน และในวันพรุ่งนี้จะมีการนัดหมายกัน เพื่อไปยื่นต่อประธานรัฐสภาให้มีการบรรจุในระเบียบวาระ

นายภราดรยังกล่าวถึง โมเดลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคภูมิใจไทยว่า ในส่วนที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ซึ่งจากร่างเดิมของพรรคที่ทำไว้ก่อนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งใจที่จะให้ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยก็นำร่างมาแก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของ ส.ส.ร. รูปแบบของพรรคภูมิใจไทยจะแบ่งเป็น2ส่วน คือ ส่วนแรก 77 คนมาจากจังหวัดละ1 คนวิธีการได้มา คือการให้ผู้ที่มีความประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.ร. ให้สมัครตามจังหวัดต่างๆ โดยอาจจะมีการหารือให้ กกต. เป็นผู้รับผิดชอบ ในเรื่องของการรับสมัครและเมื่อได้ผู้สมัครครบถ้วนแล้วก็จะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกให้เหลือจังหวัดละหนึ่งคน เท่ากับมีส.ส.ร.จังหวัดละ1 คน ส่วนกลุ่มที่ 2 จะมาจากนักวิชาการด้านต่างๆโดยคุณสมบัติแบ่งเป็น3 ส่วน คือนักนิติศาสตร์ 7 คน นักรัฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ 7 คนผู้เชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆอีก 8 คน รวมแล้วทั้งสิ้น 22 คน ซึ่งผู้ที่ประสงค์จะสมัครให้ไปสมัครเลือกลงใน 3 ช่องทาง ดังกล่าว และเมื่อได้ผู้สมัครครบถ้วน ก็จะส่งให้สภาเป็นผู้เลือก ตามกลุ่มและสัดส่วนตามจำนวนรวม 22 คน เมื่อรวมทั้งสองกลุ่ม จะมีส.ส.ร. 99 คน

ส่วนจะมีการพูดคุยกับพรรคประชาชนเรื่องของโมเดลดังกล่าวหรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า จริงๆได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด เป็นการหารือนอกรอบ โดยมีไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งทางพรรคประชาชนมีนายณัฐพล เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นการหารือ นั้นจะดูแนวทางหลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการตีความ หลังจากที่มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว เพราะรู้ว่าเวลาของรัฐบาลรัฐสภาชุดนี้ มีระยะเวลาแค่ 4 เดือน หากไปกระทำการใดๆที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดคำวินิจฉัยของศาลอาจจะนำไปสู่การส่งตีความได้ หากมีการส่งตีความจะทำให้กระบวนการทั้งกระบวนการชะงัดหยุดลง และไม่สามารถที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้

“ ผมคิดว่าทุกพรรคทุกส่วนควรจะต้องมาพูดคุยกันถึงข้อจำกัดที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย”นายภราดรกล่าว

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายพริษฐ์หรือไม่ เพราะโมเดลพรรคภูมิใจไทย ว่าอาจจะนำไปสู่การกินรวบ นายภราดรกล่าวว่า ก็ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกพรรคตนเองมีแค่ 70 เสียง จะไปกินรวบได้อย่างไรประชาชนมี 147 เสียง พรรคเพื่อไทยมีเสียง สส. กว่า 140 เสียง พรรคภูมิใจไทยจะไปกินรวบได้อย่างไรเพราะมีแค่ 70 เสียง ส่วนตัวคิดว่าอย่าหวาดระแวงกันจนเกินไปนัก ถ้าหวาดระแวงจนเกินไปแทนที่จะเดินหน้ากลับต้องถอยหลังและเป้าหมายสูงสุดของพวกเราร่วมกัน คือเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ามัวหวาดระแวงกันการเดินหน้าก็คงจะเป็นไปได้ยากเพราะเวลาที่มีจำกัดเพียงแค่ 4 เดือน เชื่อว่าทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจ เพราะมีเป้าหมายเดียวกันคือพยายามเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อตกลง ให้แล้วเสร็จในรัฐบาลนี้

เมื่อถามว่าถ้าไม่ให้รัฐสภาเลือก แต่แบ่งเป็นสัดส่วนสมาชิกรัฐสภาพอเป็นไปได้หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า แบ่งเป็นโควตายิ่งกินรวบใช่หรือไม่ การแบ่งเป็นโควตาที่พรรค มีเสียงมากก็จะได้สัดส่วนมาก เหมือนกันในคณะกรรมาธิการต่างๆ พรรคที่มีเสียงมากที่สุดจะได้สัดส่วนมากที่สุด พรรคที่มีเสียงน้อยจะได้มีเสียงน้อยแบบนี้ต่างกันอย่างไร

เมื่อถามต่อว่าเพราะห่วงเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภาสายสีน้ำเงินจะเลือกแบบผูกขาด จึงน่าจะใช้สูตรแบบสัดส่วน จะได้มีตัวแทนเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง นายภราดรกล่าวว่า ในร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนเราไม่ได้เห็นต่าง ตัวร่างของพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่แรกก็ได้มีการตั้งใจที่จะให้ประชาชนเป็นคนเลือกอยู่แล้วแต่ด้วยข้อจำกัดของศาลรัฐธรรมนูญจึงคิดว่าถ้าจะทำการใดให้เกิดความ สุ่มเสี่ยงให้ต่อคำวินิจฉัยศาล อย่างร่างของพรรคประชาชนแม้จะบอกว่าเลือกโดยอ้อม ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนนำไปสู่การตีความหรือไม่ เพราะร่างของพรรคประชาชนเลือก ส.ส. ร. โดยอ้อมคือประชาชนเลือกมาชั้นหนึ่งแล้วให้รัฐสภาเลือกอีกชั้นหนึ่ง โดยช่วงที่รัฐสภาเป็นผู้เลือกในช่วงท้ายไม่มีปัญหา แต่ช่วงเลือกแต่ช่วงแรกที่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือก อันนี้จะนำไปสู่การตีความหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าคนที่ไม่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็มี สังคมก็รู้ว่าคนไม่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีดังนั้นอย่าไปเปิดช่องให้คนที่ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ ให้เขามีช่อง

เมื่อถามต่อว่าถ้ายังไม่ลงรอยกันขนาดนี้ จะไปด้วยกันรอดไหม นายภราดรกล่าวว่า ยังมีเวลาอีกมากพอสมควรและก็เป็นแบบนี้ ในการเสนอกฎหมายไม่มีใครเห็นเหมือนกันทั้งหมด แต่ละพรรคก็อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันแต่เชื่อว่ามีปลายทาง เดียวกันเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังนั้นเมื่อทุกคน ก็ต้องมาเจรจาพูดคุยกัน เพื่อหาช่องทางที่สามารถทำให้ทุกฝ่ายเดินไปได้ไม่เกิดการสะดุดหยุดลงระหว่างทางทุกฝ่ายมีเจตนาร่วมกันก็น่าจะสามารถพูดคุยเจรจาร่วมกันได้


กำลังโหลดความคิดเห็น