รมว.กห. เป็นประธานนำแถลงผลศึกษา วปอ. รุ่น 67 ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ชูแนวคิด “สปีดอัพไทย” 3 พลังสำคัญ Talent - Technology - Total Security หวังยกระดับประเทศสู่ชาติพัฒนา
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่อาคารอเนกประสงค์สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เป็นประธานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 67 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ และ ศิษย์เก่าวิทยาลัยป้องกันราอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 61 เข้าร่วมฟังการแถลง พร้อมด้วย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ว่าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.), พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.), พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.), พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษา รุ่งเรือง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม เข้าร่วมรับฟังด้วย
โดย พล.ท.ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กล่าวรายงานว่า ในนามของข้าราชการและนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ขอขอบคุณทุกคนที่กรุณาให้เกียรติมาร่วมงานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 67 ในวันนี้ ด้วยหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร เป็นหลักสูตรด้านความมั่นคง สำหรับผู้บริหารระดับสูงในปีการศึกษา 2567 มีผู้เข้ารับการศึกษาจำนวน 294 คน ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ตำรวจ 100 นาย, ข้าราชการพลเรือน 107 คน, นักธุรกิจและภาคเอกชน 80 คน, นักศึกษามิตรประเทศ จำนวน 7 นาย จาก 7 ประเทศ
พล.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การศึกษาในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เป็นการศึกษาแบบบูรณาการมีการบรรยาย การถกแถลง การสัมมนาเชิงวิชาการ ที่ครอบคลุมทุกมิติทางด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การทหาร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและพลังงาน ภายใต้ระยะเวลาการศึกษาที่ต่อเนื่อง 11 เดือน ซึ่งนักศึกษาได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนได้ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงและกำหนดการพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป
พล.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการศึกษาในปีนี้อยู่ภายใต้แนวคิด สปีดอัพไทย เร่งเครื่องประเทศไทยด้วย 3 พลังสำคัญ ได้แก่ Talent - Technology - Total Security เพื่อช่วยเสริมยุทธศาสตร์ชาติให้นำพาประเทศไทยประสบความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป
ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสลับซับซ้อนทั้งจากมิติทางเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ ความมั่นคงและเทคโนโลยีใหม่ๆ การบริหารจัดการประเทศจึงต้องประเชิญกับความท้าทายนานับประการ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ ปัญหาเศรษฐกิจโลกและหนี้สาธารณะ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิศาสตร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศ นอกจากนั้นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้า ไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพได้ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทั้งทางไซเบอร์ข่าวปลอมและสงครามข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏการณ์เหล่านี้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ความมั่นคงในยุคปัจจุบันที่ในเอกสารยุทธศาสตร์ 20 ปี ใช้ชื่อเรียกว่าความมั่นคงแบบองค์รวม ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่มิติทางการทหารแต่ยังขยายขอบเขตไปสู่มิติทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลการศึกษาสปีดอัพไทยแลนด์ของนักศึกษาหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ซึ่งได้นำ เสนอกรอบความคิดเชิงยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าวอย่างรอบด้าน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า จึงมีความน่าสนใจอย่างยิ่งโดยหลักการ 3 T ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนได้ถูกวางให้ครอบคลุมทั้งมิติทางทุนมนุษย์ที่เป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่องและยังยืนมิติของเทคโนโลยี ซึ่งถือว่าเป็นเชื้อเพลิงหรือกลไกผลักดันหลักที่ทำให้การพัฒนาเปลี่ยนแปลงประเทศเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และมิติของความมั่นคงแบบองค์รวมหรือ Total Security ซึ่งจัดเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุดของทุกประเทศที่ไม่แตกต่างกันในการเรียก
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในการที่จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนของตนเกิดความมั่นคงปลอดภัยอย่างรอบด้านมากที่สุด ข้อเสนอที่กล่าวถึงทั้งหมดในวันนี้ นับว่ามีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของไทยและประเด็นสำคัญเร่งด่วนของประเทศที่รัฐบาลต้องนำไปดำเนินการเพื่อยกระดับประเทศไทยของเราให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในหนึ่งเจนเนอเรชั่นตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
พล.อ.ณัฐพล กล่าวย้ำว่า ตนมีความคาดหวังอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเหล่านี้จะไม่หยุดอยู่บนเพียงหน้าบนหน้ากระดาษ แต่จะได้ถูกนำไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง และสามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนอันจะทำให้เราทุกคนบรรลุเป้าหมายสูงสุดของสปีดอัพไทยแลนด์ในการก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยคนที่มีศักยภาพสามารถใช้เทคโนโลยีสร้างคุณค่าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมพร้อมเสริมสร้างความมั่นคงของชาติในทุกมิติ ตามที่ได้ตั้งปณิธานร่วมกันไว้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ท้ายที่สุดนี้ตนขอชื่นชมผลงานของนักศึกษาหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ได้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าชิ้นนี้ อันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเดินหน้านำพาประเทศไทยสู่ความมั่นคงและยังยืนต่อไป