xs
xsm
sm
md
lg

ปชน.ยื่นร่างแก้ รธน.หมวด 15/1 ถึงประธานสภาฯ จี้ เพื่อไทย-ภูมิใจไทยยื่นตาม ขู่หากไม่จริงใจจะชำแหละวันแถลงนโยบาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปชน.ยื่นร่างแก้ รธน.หมวด 15/1 ต่อประธานสภาฯ จี้ “เพื่อไทย–ภูมิใจไทย” เสนอร่างในสัปดาห์นี้ หวังเปิดทางสู่ สสร.ยึดโยงประชาชน ขู่หากรัฐบาลไม่จริงใจ เตรียมอภิปรายวันแถลงนโยบาย

วันที่ 22 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เข้ายื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ฉบับพรรคประชาชน ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกเพื่อเดินหน้าไปสู่การทำประชามติรอบแรก ที่จะรวมคำถามครั้งที่ 1 และคำถามครั้งที่ 2 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้ด้วยกัน โดยจัดประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังรัฐบาลยุบสภาภายใน 4 เดือนต่อจากนี้

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อปลายปี 2567 พรรคประชาชนเคยยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่เสนอให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายตีความว่าเป็นการปิดประตูสู่การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง

พรรคประชาชน ยืนยันว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวมีปัญหาทั้งในเชิงกระบวนการที่เป็นการตอบเกินคำถาม และในเชิงเนื้อหาสาระที่ตนมองว่าขัดกับหลักการว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อมีข้อเสนอที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย พรรคประชาชนได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ฉบับใหม่ เพื่อเสนอกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ยังคงความยึดโยงกับประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยไม่เสี่ยงต่อการขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง”

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงเนื้อหาในภาพรวมของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับรายละเอียดที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะและรับฟังความเห็นจากประชาชนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้ 1. พรรคประชาชนเสนอให้มี 2 กลไกคู่ขนาน เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

คือคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 70 คน โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นทีมและใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นรัฐสภาคัดเลือก 35 คน แบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เท่ากับว่าหากสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 700 คน สมาชิกรัฐสภา 20 คน มีสิทธิรวมตัวกันเพื่อเสนอชื่อ กมธ. ยกร่าง 1 คน

สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คน ทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนความเห็นต่อ กมธ.ยกร่างฯ โดยทั้ง 100 คน มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ใช้ระบบแบ่งเขต ที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นรายบุคคล และใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดละ 1-5 คน ตามจำนวนประชากร

2. พรรคประชาชนกำหนดเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ที่ 270 วัน หรือ 9 เดือน โดยให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และกำหนดให้ทั้ง 2 กลไกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาหรือจากการที่สภาหมดวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงานและความต่อเนื่องของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

3. เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวเป็นอันตกไป โดยหากจะมีการจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้มีการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุดใหม่ขึ้นมาตามกระบวนการเดิม

4. เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคประชาชนกำหนดให้ 4.1การทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่จำกัดอยู่แค่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ให้ครอบคลุมถึงการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยอาจเริ่มต้นทันทีที่ประชาชนลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

และ 4.2 บุคคลที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น สส. สว. รัฐมนตรี ผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ในช่วงแรกหลังเสร็จภารกิจ

นายณัฐพงษ์ ระบุอีกว่า พรรคประชาชนมีข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ คือขอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เข้าสู่สภาภายในสัปดาห์นี้ ตามที่ได้ประกาศไว้ และระบุรายละเอียดในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ที่กำหนดให้มีกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ขอให้ สส. และ สว. ทุกคน พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ขอให้ประธานรัฐสภา เปิดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ทุกฉบับโดยเร็ว และ ขอให้นายกรัฐมนตรี เดินสายทำความเข้าใจกับ สส. และ สว. เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 สำเร็จตามเป้าหมายของ MOA

“ผมหวังว่าภายในสัปดาห์นี้ ทั้ง 3 พรรคการเมือง คือพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ของตนเอง จากนั้นต้นเดือนตุลาคม จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ถัดไปเดือนตุลาคมถึงธันวาคม เป็นการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ เดือนธันวาคมรัฐสภาจะพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 จากนั้นเดือนมกราคม 2569 กำหนดวันประชามติพร้อมการเลือกตั้ง และยุบสภาภายในสิ้นเดือนมกราคม 2569 ตามเงื่อนไขที่ระบุใน MOA”

เมื่อถามข้อกังวลเรื่องงบประมาณ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ภายใต้กรอบงบประมาณที่มีอยู่สามารถที่จะบริหารจัดการได้ ให้เดินหน้าสู่การที่จะได้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงการจัดทำประชามติในอนาคต

ส่วนจะต้องประเมินให้กับรัฐบาล หรือมีการส่งข้อเสนอเพิ่มไปเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ข้อเสนอที่เราเสนอให้มีการจัดทำประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งไว้ในเหตุผลนั้น ก็เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ อีกอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดการรณรงค์กับประชาชนให้เกิดความตื่นตัวไปพร้อมพร้อมกับการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น ขอยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า เรื่องของงบประมาณ ไม่น่าเป็นอุปสรรค ที่เป็นสาระสำคัญแต่อย่างใด และก็เชื่อว่าทางฝ่ายบริหารสามารถบริหารจัดการได้

“เท่าที่ทราบในขณะนี้ ทุกพรรคการเมืองเอง ก็ยังเดินหน้าในส่วนนี้อยู่ ส่วนในรายละเอียดของแต่ละพรรค ก็มีการพูดคุยกัน ทั้งผ่านเวทีกรรมาธิการ และทางการหารือกันนอกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

นายพริษฐ์ กล่าวเสริมว่า การพูดคุยกับทั้ง 2 พรรคนั้น สำหรับพรรคเพื่อไทย ตนคิดว่าก็เป็นไปตามที่ปรากฏต่อสาธารณะ ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็อย่างที่สื่อมวลชนทราบ ว่าในสัปดาห์ที่แล้วตัวแทนพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มาร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ เนื่องจากติดภารกิจ แต่ได้ทราบอย่างไม่เป็นทางการนอกรอบจากนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานว่า มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว แล้วก็จะยื่นในสัปดาห์นี้ ฉะนั้น ขอฝากสื่อมวลชนด้วย

นายพริษฐ์ ยังย้ำถึงข้อเรียกร้องของพรรคประชาชนต่อ 2 พรรคการเมืองว่า มี 2 ส่วน คือส่วนที่หนึ่ง คือการยื่นร่างแก้ไขภายในสัปดาห์นี้ และส่วนที่ 2 ในส่วนของเนื้อหาสำหรับยกร่างนั้น เราอยากจะให้ออกแบบจากกระบวนการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด จริงอยู่ว่ารายละเอียดสามารถไปถกเถียงในคณะกรรมาธิการวาระหนึ่งได้
แต่ตนคิดว่า ถ้าเรายึดเจตนารมณ์ตรงนี้ให้มั่นว่า ถึงแม้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง อาจจะว่าขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรามองว่าเจตนาคือการพยายามใช้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด ก็อยากจะให้ใช้หลักตรงนั้นเป็นหลักสำคัญในการทำ

สําหรับการหารือเรื่องเสียง สว.นั้น นายพริษฐ์ มองว่า ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่เราเลือกสมาชิกทุกคนมาทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร เราพยายามอย่างมากในการพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อทำให้การแก้ไขและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สำเร็จ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เรามีการยื่นร่างเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา ตนเองก็ไปเดินสายพูดคุยกับทาง สว.หลายกลุ่มมาก เพื่อทำความเข้าใจ โดยในมุมของพรรคประชาชนเราทำแบบนั้นต่ออยู่แล้ว เราพร้อมพูดคุยกันให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จ

สำหรับบทบาทของทางนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร และในฐานะหัวหน้าพรรคนั้น ในเมื่อเรื่องการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้แล้วตามเงื่อนไขของ MOA เราก็อยากจะเห็นนายกรัฐมนตรีแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการพูดคุยกับ สส.และ สว. เพื่อทำความเข้าใจ และทำให้วาระนี้ประสบความสำเร็จได้ภายใน 4 เดือนข้างหน้า

เมื่อถามถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีและพรรคภูมิใจไทยที่ดูเหมือนจะไม่ตอบสนอง นายพริษฐ์ ระบุว่า ณ เวลานี้ เรายังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราใช้เวทีสื่อมวลชนในการเรียกร้อง และจะใช้เวทีสภาทุกกลไกในการเรียกร้องเช่นกัน อย่างไรก็ตามในการอภิปรายในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล ถ้าเรายังไม่เห็นท่าทีที่มีความจริงจังนี้ในการเดินสายพูดคุยกับทั้ง สส. และ สว. เราก็คงต้องมีการนำประเด็นนี้มาอภิปรายแสดงความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง


กำลังโหลดความคิดเห็น