xs
xsm
sm
md
lg

หมดลูกสาว มาถึงคราวสองลูกเขย “พงศ์-ปอ” เพื่อไทย จะดันเป็นแคนดิเดตนายกฯ ** ฝนตกห่าใหญ่ นักการเมืองไหลเข้า ภูมิใจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ หมดลูกสาว มาถึงคราวสองลูกเขย “พงศ์-ปอ” เพื่อไทย จะดันเป็นแคนดิเดตนายกฯ

กลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง เมื่อ “อ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย กระเหี้ยนกระหือรือ จะปฏิบัติการทำเพื่อ เอาใจ “นายใหญ่-นายหญิง” อีกครั้ง เมื่อ "เพื่อไทย" พรรคที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคของตระกูลชินวัตร ยังคงเดินหน้าสืบทอดอำนาจในตระกูลแบบไม่ยอมถอยง่ายๆ หลัง "อิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร ต้องลงจากเก้าอี้นายกฯ แบบเจ็บกระดองใจ เพราะพิษ “อังเคิล” ก็มีข่าวลือสะพัดว่า ภารกิจต่อไปคือการดัน "สองลูกเขย" ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯคนใหม่!

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวลอยๆ แต่มีการพูดคุยกันอย่างจริงจังในพรรค โดยเฉพาะหลังจากที่ "คุณหญิงอ้อ" พจมาน ดามาพงศ์ เข้ามาให้กำลังใจ สส. ด้วยตัวเอง ถึงที่ทำการพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ครอบครัวชินวัตร ยังคงไม่ทิ้งพรรคไปไหน


“อ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย ปู่โสมเฝ้าทรัพย์เพื่อไทย ก็ออกมาให้สัมภาษณ์แบบมีนัยสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อนักข่าวถามถึงความเป็นไปได้ ในการดัน “พินทองทา” ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ เจ้าตัวรีบโบกมือปฏิเสธว่า “ท่านทำธุรกิจดีอยู่แล้ว” แต่พอถูกถามถึงสามีของเธอ อย่าง “พงศ์” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ กลับตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัว” แถมทิ้งท้ายแบบเป็นนัยๆ ว่า “ถ้ากระแสสังคมเชียร์มากๆ ก็อาจจะไปเจรจากับคุณแม่และภรรยาของเขา”

คำพูดนี้ของ “ภูมิธรรม” ยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวที่ว่า ลูกเขยคนโต อย่าง “ณัฐพงศ์” คือ ตัวเต็งในภารกิจครั้งนี้

โปรไฟล์ของ “ณัฐพงศ์” หรือ "พงศ์" ก็ไม่ธรรมดา เขาคือผู้บริหารระดับสูงของ SC Asset บริษัทอสังหาฯ ของตระกูลชินวัตร โดยตรง แถมยังมีดีกรีการศึกษาและประสบการณ์ทำงานที่เพียบพร้อม ถึงแม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธสั้นๆ ว่า “ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้” แต่กระตุกยิ้มที่มุมปาก ขณะถูกถาม ก็ยิ่งชวนให้สงสัยว่า จริงหรือ? ที่จะไม่สนใจ!


ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวเม้าต์อีกกระแสว่า หากลูกเขยคนโตอย่าง “พงศ์” ยังไม่พร้อม เพื่อไทยก็มีแผนสำรองที่เตรียมไว้แล้ว นั่นก็คือทาบทาม “ปอ” ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของอดีตนายกฯแพทองธาร ที่ถึงแม้จะเคยเป็นแค่นักบินมาก่อน แต่ตอนนี้เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงอย่างเต็มตัวแล้ว

เรียกได้ว่า เรื่องราวของตระกูลชินวัตร กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหมือนกับความอยากที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่ ทักษิณ- ยิ่งลักษณ์ และ แพทองธาร ที่ล้วนเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่สุดท้ายก็ต้องมีอันเป็นไปจากเก้าอี้ไปตามๆ กัน

คราวนี้จึงถึงคราวของสองลูกเขย “พงศ์-ปอ” ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนตระกูล เพื่อสานต่ออำนาจและตอบสนองความต้องการของ “นายใหญ่-นายหญิง”

งานนี้ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า "ปฏิบัติการดันลูกเขย" สู่ประตูสวรรค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะสำเร็จหรือไม่ และใครจะเป็นผู้ที่ได้รับไม้ต่อในท้ายที่สุด!


++ ฝนตกห่าใหญ่ นักการเมืองไหลเข้า ภูมิใจไทย

การตั้งรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พรรคการเมืองในฝ่ายอนุรักษ์นิยม ถึงกับอยู่ในสภาพ “พรรคแตก สาแหรกขาด” ถึง 3 พรรค

พรรคพลังประชารัฐ ของ“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็เห็นชัดว่า “กลุ่มสันติ พร้อมพัฒน์” บ้านใหญ่เมืองมะขามหวาน ได้ปันใจไปซบภูมิใจไทยแน่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และอาจจะมีกลุ่มอื่นตามไปด้วย ยังไม่รู้ว่าจะมีใครบ้างที่อยู่เฝ้าพรรคกับลุงป้อม

พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรค“ดีเอ็นเอของลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แตกเห็นๆ นอกจาก “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น พาสส.ไปโหวตหนุนอนุทิน เป็นนายกฯ แล้ว “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ยังมีความขัดแย้งกับ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค

ล่าสุด “เอกนัฏ” ลาออกจากเลขาธิการพรรคแล้ว รวมทั้งส.ส.ในกลุ่มที่เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นโฆษกพรรค ก็ลาออกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส แกนนำ“กลุ่มพลังชุมพร”ก็ยกทีมออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทย ถ่ายรูปโชว์หรา มี “เอกนัฏ” ร่วมโต๊ะอาหารกับอนุทิน ด้วย

ตอนนี้เลยเหลือแต่“พีระพันธุ์”เฝ้าพรรคคนเดียว แล้วอย่างนี้ นายทุนพรรคยังจะเปย์อยู่หรือ !?

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ตกต่ำหนัก เริ่มตั้งแต่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ไปสนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถมในยุคที่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรค ยังไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่แค้นทางการเมืองมาตลอดเกือบ 20 ปีเข้าให้อีก

“อุดมการณ์” ของพรรคที่บอกว่าต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ถูกเก็บเข้าลิ้นชัก แล้ว “ฝังชิป”ใหม่ คือหาทางเข้าสู่อำนาจโดยไม่เลือกวิธีใช้ ทำเอา “แม่ยกสีฟ้า”สุดแสนจะปวดใจ

ยิ่งตอนนี้ประชาธิปัตย์ อยู่ในสภาพ “ขาดหัว” เมื่อ“เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน ลาออกจากหัวหน้าพรรค บอกว่ามีปัญหาสุขภาพ กว่าจะรู้ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ก็ต้องรอไปถึงวันที่18 ต.ค.โน่น

ชื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ถูกพูดถึงตอนนี้ ก็มี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”... “กรณ์ จาติกวณิชย์” ...“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ...“เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์

ก็ไม่รู้ว่าจะกู่ร้อง เรียกแฟนคลับกลับมาได้หรือไม่

โดยเฉพาะฐานเสียงในภาคใต้ ก็กำลังถูกพรรคภูมิใจไทยรุกหนัก ซึ่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคภูมิใจไทย เจาะพื้นที่ภาคใต้มาได้แล้ว 8 จังหวัด มี สส.รวม 12 คน คือ ที่ กระบี่ 3 คน สุราษฎร์ธานี 1 คน นครศรีธรรมราช 32 คน สงขลา 1 คน พังงา 1 คน สตูล 2 คน นราธิวาส 1 คน และระนอง 1 คน

ตอนนี้ก็กำลังมีการทาบทาม “บ้านใหญ่” ตระกูลการเมืองเข้ามาเสริมทีมอีก อาทิ บ้านใหญ่เมืองสุราษฎร์ธานี นำโดย “ชุมพล กาญจนะ” ที่ปัจจุบัน “โสภา กาญจนะ” เป็นนายกอบจ.อยู่

ที่ จ.ตรัง “เนวิน ชิดชอบ” ถึงกับลงไปทาบทาม “โกหน่อ” สมชาย โล่สถาพรพิพิธ ด้วยตัวเอง ส่วนที่ สงขลา ของ “นิพนธ์ บุญญามณี” ก็เพิ่งพาลูกทีมมาช่วยโหวตหนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯให้เห็นกันอยู่ นอกจากนี้ ที่นครศรีธรรมราช ยังมี “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” อดีต ส.ส.เขต 9 สมัย ของพรรคประชาธิปัตย์ ข่าวว่าก็ได้รับการทาบทามแล้วเช่นกัน

เหตุที่บรรดาสส. นักการเมือง ไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มองแค่ว่า รัฐบาลอยู่ได้แค่ 4 เดือนแล้วยุบสภา แต่พวกเขามองไปถึงอนาคต 4 ปี ข้างหน้า ต้องหาทางอยู่ฝ่ายรัฐบาล

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเอง ก็ต้องมองถึงอนาคตที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน ซึ่งคู่แข่งในสนามเลือกตั้งที่จะต้องขับเคี่ยวกันก็คือ พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน

ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยจึงพร้อมที่จะ “ติดเครื่องดูด” และยินดีอ้าแขนรับส.ส.จากพรรคอื่นๆ ที่จะมาเข้าร่วม โดยไม่สนใจข้อตกลง หรือ MOA ที่ทำไว้กับพรรคส้ม ว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่หาเสียงสส.มาเติมจนเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

เพราะตอนนี้ จำนวน สส.ที่มี ยังไม่ได้เป็นเสียงข้างมาก ยังไม่ผิดสัญญา

มองในมุมกลับ การทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคส้ม ภายใต้การนำของ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ”นั้น ถูกมองว่า “อ่อนหัด” ยอมเป็น “นั่งร้าน” ให้กับพรรคภูมิใจไทยเถลิงอำนาจ ถ้าเกิดมีการเบี้ยวข้อตกลง ไม่ยุบสภาภายใน 4 เดือน ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

เปรียบได้กับสุภาษิตไทยที่ว่า “ตีงูให้กากิน” หรือ “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ” อย่างนี้ถือว่าเสียหาย หรือสรุปสั้นๆว่า“โง่”!?

คาดการณ์ว่าในช่วง 4 เดือน ที่ภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล จะมีนักเลือกตั้ง และสส. บ้านใหญ่ ไหลเข้าพรรคกันเป็นจำนวนมาก
ถึงเวลานั้นถ้านับหัวแล้ว เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ต้องดูว่า “อนุทิน” จะรักษาสัญญา ด้วยการยุบสภา หรือจะฉีกสัญญา แล้วเดินหน้าต่อ...เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า “สัจจะ” ในหมู่นักการเมืองนั้น ไม่มีอยู่จริง

แต่ถ้าพรรคส้มเตรียมเปิดเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ “อนุทิน” อาจจะชิงยุบสภา สร้างภาพสุภาพบุรุษนักการเมือง ก็ได้ เพราะคนก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว

แถมยังถือทั้งอำนาจรัฐ ถือทั้งเงินงบประมาณอีกต่างหาก ได้เปรียบคู่แข่งเห็นๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น