เมืองไทย 360 องศา
ช่วงนี้หากสังเกตให้ดีจะเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดสังเกตทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รวมทั้งเครือข่าย พยายามเน้นย้ำซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลาในลักษณะที่ออกมาในแบบ “น่าสงสาร” ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ในการถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเวลานี้ ซึ่งบทบาทแบบนี้ช่างตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ ที่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียวแทบจะสิ้นเชิง
เริ่มจากมีเจตนาให้เห็นภาพของคนในครอบครัวพร้อมหน้าทั้ง คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภรรยา และลูกสาวลูกเขยที่มากันเกือบพร้อมหน้า
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ว่า ได้เจอคุณพ่อแล้ว พบว่าคุณพ่อตัดผมสั้นแล้ว โดยวันนี้เป็นการเยี่ยมผ่านกระจก ไม่ได้เจอตัว ไม่ได้สัมผัสคุณพ่อ แต่ก็ได้พูดคุยกัน มีการส่งกำลังใจให้คุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ได้เล่าว่า มีผู้คุมเล่าให้ฟังว่ามีประชาชนที่มาให้กำลังใจคุณพ่อ มาทานก๋วยเตี๋ยวแถวนี้ บอกว่า ทานพร้อมท่าน ท่านก็ฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ก็ได้รับข่าวสารมีผู้มาเล่าให้ฟัง
นอกจากนี้ ในเรื่องของความเครียดหรือความวิตกกังวลนั้น สุขภาพจะมีเรื่องความดัน คงจะจะมีเรื่องความเครียดบ้าง โดยมีความดันขึ้นๆ ลงๆ แต่คุณพ่อก็จิตใจเข้มแข็ง เข้มแข็งกว่าเราอีก คุณพ่อก็ให้กำลังใจเรา ส่วนสิ่งที่คุณพ่ออยากฝากบอกถึงคนข้างนอกที่คอยให้กำลังใจ คือ สุขภาพแข็งแรงดี อาจมีเรื่องของความดันบ้าง แน่นอนก็มีความเครียดเพราะต้องเข้าไปอยู่ เป็นเรื่องปกติที่จะมีความเครียดอยู่แล้ว ส่วนใหญ่คุณพ่อก็พูดเรื่องขอบคุณกำลังใจมากกว่า ขอบคุณทุกคนที่ส่งผ่านกำลังใจให้ และเวลาพวกเราเวลาไปที่ไหนก็มีคนให้กำลังใจ จึงขอขอบคุณมาก ๆ
“ที่ผ่านมาหลาย ๆ ปี คุณพ่อคุณแม่ก็ได้เจอกัน แต่เป็นการไม่ได้เจอกันมา 17 ปี รอบนี้ก็มาเจอผ่านกระจก ชีวิตครอบครัวเราก็มีหลายรสชาติ ก็ให้กำลังใจกันไปในทุกเรื่องทุกหัวข้อ ซึ่งการได้เจอกันเมื่อสักครู่นี้ก็ประมาณ 30 นาที” เธอกล่าวและว่า จริง ๆ คุณพ่ออายุเยอะ อายุ 76 ปีแล้ว และมีประสบการณ์เยอะ ก็คงมีประสบการณ์ที่สามารถแชร์ได้ อาจจะไม่ใช่เรื่องของภาษาอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงมุมมองต่าง ๆ เพราะคุณพ่ออาจจะชอบเป็นอาจารย์ ชอบอ่านหนังสือ
ขณะที่ นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วันนี้(16กันยายน) นายทักษิณยังคงอยู่ในแดนพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับควบคุมผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยโรคไต นอกจากนี้ จากการเยี่ยมญาติพบว่ามีกำลังใจ และมีบ่นคิดถึงหลาน ส่วนเมนูอาหารวันนี้ มื้อเช้ารับประทานไข่ต้ม และดื่มกาแฟดำ ส่วนมื้ออื่น ๆ ทั่วไป เช่น ก๋วยเตี๋ยว ทั้งนี้ เมื่อวานญาติยังได้นำหนังสือธรรมะ และหนังสือภาษาอังกฤษมาให้นายทักษิณไว้อ่าน
รวมไปถึงก่อนหน้านี้ ยังมีบรรดาเครือข่ายคนใกล้ชิดหลายคนที่พยายามออกมาแสดงอารมณ์ให้สังคมได้เห็นว่า นายทักษิณ อยู่ในเรือนจำนอกจากไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ แล้ว ในสภาพของผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว พร้อมทั้งให้เห็นภาพของคนในครอบครัวเข้าไปเยี่ยมและต้องพูดคุยผ่านลูกกรง เป็นภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกสำหรับคนที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และสร้างคุณูปการให้กับบ้านเมือง ซึ่งจะเห็นการโพสของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พยายามเน้นย้ำในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี ก็มีคนที่รู้ทัน และทนไม่ไหวออกมาเบรกอารมณ์แบบนี้ เช่น นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการ ผู้ต้องหาหนีคดี ม.112 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ว่า ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมใคร แต่ครอบครัวนี้อาศัยประโยชน์จากการติดคุก มาเรียกร้องขอความเห็นใจจนเกินไป
โพสต์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ว่า “พ่อกับแม่ไม่ได้เจอกัน 17 ปี รอบนี้เจอผ่านกระจก” หลังครอบครัวชินวัตรเข้าเยี่ยม นช.ทักษิณ ที่เรือนจำคลองเปรม แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.แพทองธาร โพสต์ความเท็จ เพราะวันที่ น.ส.แพทองธาร รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้นทั้ง นช.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ต่างก็ร่วมแสดงความยินดี โดยยืนคู่กันให้ช่วงภาพถ่ายรูปอีกด้วย
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับครอบครัวเมื่อวันที่ 15 กันยายน ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ทางเรือนจำ โดยผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมได้อนุญาตให้ทนายความญาติเข้าเยี่ยมหลังจากที่มีการกักโรค 5 วัน ซึ่งท่านได้ถูกคุมขังมาแล้วทั้งหมด 7 วัน ดังนั้น การดำเนินการอะไรต่าง ๆ ที่เป็นพิเศษ ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ก็เป็นผู้ต้องขังที่ปกติเหมือนทุกคน ไม่มีสิทธิพิเศษอะไร และตอนนี้ท่านอยู่ในแดนพยาบาล ในส่วนของผู้สูงอายุ เนื่องจากท่านมีโรคประจำตัว
ส่วนสุขภาพอาการในตอนนี้เท่าที่เห็นนั้น เรื่องความดันความเครียดเคยมี ท่านพยายามดูแลตัวเองให้ความดันลดลง ก่อนหน้านี้ที่เป็นข่าวก็เป็นเรื่องจริง อย่างที่บอกท่านมีโรคประจำตัว คนอื่นจะไม่เชื่อก็เรื่องของท่าน แต่ความจริงคือท่านมีโรคประจำตัว ส่วนความดันความเครียดเป็นเรื่องของผู้สูงอายุ และโรคประจำตัวที่เกิดขึ้นก็พยายามควบคุมไม่ให้มีอาการกำเริบขึ้นมา จำนวนโรคว่าตอนนี้มีกี่โรคนั้น ตนขอไม่พูดถึงเรื่องโรคอีกต่อไป เพราะโรคท่านมีแน่นอน
นั่นเป็นความเคลื่อนไหวแบบใหม่ล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รวมไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะหากมองในเชิงการเมืองก็อาจมองได้ว่านี่คือ “ยุทธวิธีแบบใหม่” ที่พวกเขานำมาใช้ ซึ่งถือว่าตรงกันข้ามกับท่าทีก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เพราะการที่ “ไม่ยอมติดคุก” ได้ส่งผลเสียอย่างรุนแรงกับพวกเขา เพราะภาพ “อภิสิทธิ์ชน คนไม่เท่ากัน” สร้างกดดันอย่างหนัก
แต่คราวนี้นับตั้งแต่ “ไม่หนี” จนมาถึงการยอมเข้าคุกโดยแสดงภาพเน้นย้ำ “ไม่มีสิทธิพิเศษ” เป็น “คนแก่ที่ป่วย” ที่สูญสิ้นอิสรภาพ และต้องอยู่ห่างกับครอบครัว และท่ามกลางความรู้สึกคิดถึง “หลานๆ” อยากมาเลี้ยงหลานแล้ว ซึ่งหากพิจารณากันแบบให้ถึงอารมณ์กันแล้วนี่มันเป็นเรื่อง “เศร้าเคล้าน้ำตา” กันเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนี้นี่เป็นภาพที่ตัดกันอย่างสิ้นเชิงก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
ดังนั้นหากพิจารรากันแบบรู้ทันในทางการเมืองถือว่าเป็นอีกกลยุทธ์ใหม่ที่พยายามแสดงออกมาในช่วงที่ตัวเองต้องถูกคุมขัง ซึ่งภาพของ นายทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเป็นความหวังเดียวที่จะกอบกู้และฟื้นศรัทธาพรรคเพื่อไทยให้กลับมาอีกครั้ง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ว่าสังคมจะมองแบบไหน รู้ทันหรือไม่ ในท่ามสถานการณ์การเมืองที่เข้มข้นและใกล้นับถอยหลังเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่ากำลังถดถอย ในทุกด้าน !!