กกต.แจงเกณฑ์ทำประชามติ หากทำพร้อมเลือกตั้ง สส. อาจต้องขยายเวลาเป็นไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน ปชช.ทั้งใน-นอกประเทศ ได้ใช้สิทธิออกเสียง มองไม่ใช่เรื่องง่ายทำความเข้าใจ
วันนี้ (12 ก.ย.) นายวรพงศ์ อนันต์เจริญกิจ ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต.กล่าวถึงการทำประชามติทั้ง 3 ครั้ง ว่า เป็นจุดหลักที่ทำให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปเสนอแก้กฎหมาย คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติในกระบวนการ โดยเพิ่มเติมหากวันออกเสียงการเลือกตั้งทั่วไปหรือเลือกตั้งท้องถิ่น สามารถกำหนดเป็นวันเดียวกันได้ เพราะการทำประชามติสามครั้งต้องใช้งบประมาณสูง แต่พอกำหนดให้ใช้ร่วมกัน งบประมาณก็ต้องเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งในกระบวนการออกเสียงประชามติ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่อยู่ในมาตรา 9 พ.ร.บ.ประชามติ ที่จะเริ่มตั้งแต่สภาให้ความเห็นชอบในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และประธานสภาจะส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยต้องพิจารณากำหนดให้ออกเสียงประชามติ
“ส่วนการกำหนดจะเป็นตามที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. บอกไว้ว่าต้องมีกรอบเวลา ซึ่งต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ในการทำประชามติ แต่หากเป็นการออกเสียงพร้อมการเลือกตั้งทั่วไปก็จะยืดเวลาอาจจะไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน ซึ่งเป็นเฉพาะกรณีที่ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งทั่วไป”
นายวรพงศ์ กล่าวด้วยว่า กระบวนการออกเสียงประชามติจะเริ่มก่อน โดยแปลว่า หากกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก็ต้องมีการเตรียมวันยุบสภาไว้ล่วงหน้าว่าต้องภายในกี่เดือน เพื่อให้กระบวนการต่อท้ายนั้นชนกันได้ แต่กระบวนการประชามตินั้นถ้าเอากระบวนการเต็ม 120 วันช่วงแรก จะเป็นในเรื่องของการเผยแพร่สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ กกต.ต้องทำและจัดให้มีการออกเสียงประชามติ โดยในการแก้ไขเพิ่มเติม กกต.มีหน้าที่ในการเผยแพร่ทั้งร่างรัฐธรรมนูญและสาระสำคัญ คือต้องประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาและต้องทำเอกสารเผยแพร่ส่งไปยังชาวบ้านก่อนวันออกเสียง อีกเรื่องหนึ่งคือการที่กำหนดให้กกต. มีหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงประชามติด้วยซึ่งกกต.ต้องทำหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าการออกเสียงประชามติมีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร ซึ่งการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้การออกเสียงเป็นหน้าที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงก็ต้องหน้าที่ไปออกเสียงทุกคน
นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า ในการออกเสียงประชามติที่ผ่านมา 2 ครั้ง จัดเฉพาะภายในประเทศ ไม่มีการลงคะแนนเสียงนอกราชอาณาจักร แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ระบุว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งต้องจัดให้มีการออกเสียงนอกราชอาณาจักรด้วย ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องขอให้สื่อมวลชนได้สื่อสารให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงได้เข้าใจว่าไม่เหมือนในอดีต
สำหรับการจัดให้มีแสดงความคิดเห็นที่หากมีฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ ก็เป็นโจทก์ที่เป็นหน้าที่ของ กกต. เพื่อรองรับกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่ซึ่งหากดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายทั้งการจัดเวทีดีเบสและต้องกระจายให้ทั่วพื้นที่และกฎหมายใหม่ที่ระบุเรื่องเกณฑ์ออกเสียงว่าใช้เกณฑ์จังหวัดเป็นเกณฑ์ออกเสียงแต่ในกฎหมายใหม่นั้นให้ใช้เกณฑ์ประเทศเขตจังหวัด เขตอำเภอเป็นเขตออกเสียงได้ หากในอนาคตมีประเด็นที่ต้องทำประชามติในท้องถิ่นก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกันซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นตามร่างกฎหมายฉบับใหม่
เมื่อถามว่า การแก้ไขกฎหมายประชามติที่จะเปิดให้ทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปนั้น การแก้ไขต้องเข้ากระบวนการตามปกติก่อนใช่หรือไม่ นายวรพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างตามกฏหมายซึ่งผ่านสภาไปแล้วทางฝ่ายการเมืองก็ ให้ข่าวว่าผ่านสภาไปแล้ว เราต้องมาคุยกันว่า การจัดออกเสียงประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปนั้นเป็นอย่างไร
ซึ่งวิธีการจะแตกต่างกัน ยกตัวอย่างว่ากฎหมายกำหนดให้แต่ละเขต แต่ละในกรณีจัดการเลือกตั้งพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปก็จะพิจารณาในเกณฑ์ สส. ว่า เกี่ยวกับเขตหรือไม่เพื่อให้เร็วในการบริหารจัดการและใช้บุคลากรกลุ่มเดียวกัน ใช้ที่ออกเสียงที่เดียวกันซึ่งเป็นเรื่องที่มีการออกแบบกระบวนการอยู่และคาดว่าจะมีความชัดเจนจะได้ทำความเข้าใจและชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบ รวมไปถึงกระบวนการออกเสียงซึ่งอาจจะมีสองประเด็นในบัตรใบเดียวนั้นก็เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน เป็นโจทย์ของ กกต. ที่จะต้องวางกระบวนการโดยเฉพาะขั้นตอนลงคะแนนในพื้นที่เลือกตั้งในที่เดียวกันจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความสับสนซึ่งจะเป็นปัญหาเรื่องบัตรเสียหรืออะไรก็ตาม
อีกประเด็นคือ เรื่องการออกเสียงนอกเขตในการเลือกตั้ง สส. เรากำหนดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์เพื่อจัดส่งบัตรไปยังนอกเขตได้แต่ผลการออกเสียงนอกเขตนั้นกำหนดให้ลงคะแนนในวันออกเสียงวันเดียวกันสิ่งนี้เป็นโจทย์และเป็นประเด็นในการสื่อสารทำความเข้าใจให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าเราจะกำหนดให้ที่ออกเสียงหรือที่เลือกตั้งที่เดียวกันแล้วแต่การเลือกตั้งนอกเขตการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนการออกเสียงนอกเขตต้องมาดำเนินการภายในวันเดียวกับวันออกเสียง อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์ที่ต้องหาแนวทางว่าจะสื่อสารอย่างไรตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียน ขั้นตอนการลงคะแนนเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามว่ากรณีการจัดทำคำถามพร้อมกันสองคำถามและผูกพันถึงผลของคำถามที่สองและมีการยกร่างแก้ไขทั้งฉบับ หากเสียงข้างมากไม่รับคำถามที่สองก็จะไม่มีความหมายทันที ซึ่งหากลงคะแนนพร้อมกัน กกต. จะต้องประกาศผลของการออกเสียงคำถามข้อที่สองหรือไม่ นายวรพงศ์ กล่าวว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นซึ่งต้องนำไปศึกษาก่อนว่าจะกำหนดแนวทางเรื่องนี้อย่างไรเพราะในขั้นตอนกระบวนการก็ต้องมีการหารือร่วมกับคณะรัฐมนตรีและทางสภาจะเป็นผู้กำหนดทิศทางก็เป็นข้อสังเกตที่ต้องมาดูกัน
ส่วนจะใช้งบกลางหรืองบอะไรนั้น เนื่องจากการเลือก สส.เป็นเหตุที่ไม่สามารถคำนวณได้ล่วงหน้า เราไม่สามารถตั้งงบประมาณเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งทุกครั้งจะใช้วิธีการของบกลางไปถึงคณะรัฐมนตรีรวมทั้งการทำประชามติในชั้นนี้ทางกกตอยู่ในระหว่างการของบประมาณซึ่งเรามีกฎหมายและระเบียบกับการออกเสียงประชามติเพิ่มเติมที่จะจัดควบคู่กันว่าจะนำมาประกอบร่างอย่างไรอันไหนที่ใช้งบประมาณร่วมกันได้หรืออันไหนที่ต้องเพิ่ม แต่นอกจากกกต.แล้วก็ยังมีหน่วยงานต่างๆที่จะต้องเข้ามาร่วมในการช่วยทั้งสองภารกิจ คือสำนักการปกครอง ที่ช่วยในเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ใช้สิทธิ์ออกเสียงต่างๆมีหน้าที่ที่เกี่ยวกับการประกาศหน่วยการเลือกตั้ง การจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ซึ่ง กกต. ต้องรอความชัดเจนของตัวกฎหมายและรอความเข้าใจ อย่างกระทรวงการต่างประเทศต้องรับผิดชอบเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรซึ่งมีข้อปฏิบัติที่แตกต่างกัน การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจะมีการส่งกลับนับคะแนนในประเทศ หรือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กฎหมายกำหนดให้นับคะแนนที่สถานทูตเลย ต้องมีการซักซ้อมทั้งความเข้าใจและให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งขอความร่วมมือไป รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีการดูแลการเลือกตั้ง หรือไปรษณีย์ไทยที่มีการส่งวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้งบัตรเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีการชี้แจงความเข้าใจอย่างเข้าใจในภาพรวมกระบวนการเพื่อสามารถครอบคลุมได้ทุกภารกิจ
ในเรื่องถัดมาคือปัญหาอุปสรรคจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง ที่ต้องออกเดินทางมาตั้งแต่เช้า หน่วยเลือกตั้งตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ดำเนินการนับคะแนนเสร็จจนถึงเวลาส่งที่หน่วยก็ใช้เวลานาน