“หิมาลัย ผิวพรรณ” เผย ลาออกจาก รทสช.มาระยะหนึ่งแล้ว ยอมรับมีปัญหากับคีย์แมนของพรรคคนหนึ่งที่หัวหน้าไว้ใจมาก จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาเพื่อให้คีย์แมนคนนั้นหาผู้ร่วมงานใหม่ ระบุเข้าร่วมพรรคกล้าธรรม ตามที่เคยให้สัญญากับ “ธรรมนัส” ตอนที่ตามผู้มีพระคุณเข้ามาทำงานการเมือง ชู “พีระพันธุ์” สุภาพบุรุษนักการเมือง
วันนี้ (8 ก.ย.) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค อดีตผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ” ว่า ตามที่มีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ ว่า ผมนั้นได้ย้ายจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ผมขอเรียนให้ทราบว่า ผมได้ตัดสินใจที่จะลาออกจากผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ มาระยะหนึ่งแล้ว และได้นำเรียนการตัดสินใจให้ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทราบ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 68 หลังจากเรียนให้ท่านทราบแล้ว ผมก็เริ่มดำเนินการแบ่งมอบงานที่รับผิดชอบ ให้กับผู้ช่วย ผอ.พรรคทั้งสองท่าน
สำหรับสาเหตุของการลาออกนั้น ได้นำเรียนให้ท่านทราบ ว่า การทำงานในตำแหน่ง ผอ.พรรค ที่ผ่านมา ผมมีปัญหาในการประสานงานและร่วมงานกับคีย์แมนท่านหนึ่งของพรรค ซึ่งคีย์แมนท่านนี้ เป็นบุคคลสำคัญในพรรคและท่านพีระพันธ์ุ ให้ความไว้วางใจและเชื่อใจเป็นอย่างมาก ผมจึงได้กราบเรียนว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมมีความประสงค์ที่จะไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ผมจึงขอลาออก เพื่อให้คีย์แมนท่านนั้น ได้เตรียมหาคนมาร่วมงานใหม่
สำหรับการมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมนั้น เป็นไปตามสัญญาที่ผมเคยให้ไว้กับท่านธรรมนัส ในตอนที่ผมต้องตามท่านผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณกับผม มาทำงานการเมืองที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ในปัจจุบันนี้ผู้มีพระคุณของผมท่านนี้ ท่านไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว และสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ถือว่าเข้าสู่ช่วงเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ จึงเป็นช่วงเวลาที่ผมจะต้องกลับมาช่วยงานท่านธรรมนัสตามที่ได้รับปากไว้
การทำงานที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ได้กรุณาให้คำชี้แนะ ให้กำลังใจ และสนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา ในการทำงานร่วมกันนั้น ผมได้เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของท่านในหลายๆ ครั้ง ท่านไม่เคยกล่าวร้ายใคร หรือให้ร้ายใครลับหลัง แม้แต่ในช่วงหนึ่งที่มีเพื่อนสมาชิกบางส่วนได้แยกตัวออกไป ท่านก็บอกว่า มันเป็นสิทธิของเขา เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา ซึ่งเราก็ได้ความชัดเจนว่าเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งใหม่ กลุ่มดังกล่าวก็คงจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น พรรคเราก็จะได้เตรียมตัวหาผู้สมัครในเขตนั้น ถือว่าเป็นผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย หรือแม้แต่ในวันที่ผมไปกราบลาออกจาก ตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค ท่านก็เข้าใจในเหตุผล และกรุณาอวยพร ให้ผมประสบความสำเร็จในเส้นทางที่จะก้าวต่อไป
ผมจึงกล่าวได้ว่า ท่านเป็นสุภาพบุรุษการเมือง ในสายตาของผม เป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมรักและเคารพ และจะยึดถือความเป็นสุภาพบุรุษของท่านตลอดจนคำสอนของท่านที่ให้คิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนก่อนเรื่องอื่นเป็นแนวทางในการทำงานการเมืองต่อไป