“สมศักดิ์”นำครม.เยี่ยม รพ.-ศูนย์พักพิง ให้กำลังใจผู้ป่วยและทีมแพทย์ สั่งนำเครื่องฟอกไตเข้าพื้นที่ พร้อมเตรียม รพ.อุบลฯ สำรอง ลงนามส่งหนังสือถึง WHO ประณามกัมพูชาทิ้งบอมบ์ รพ.-พลเรือน ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คณะสส.และผู้บริหารสาธารณสุข ร่วมลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ จุดแรก เดินทางไปยัง รพ.วังหิน อ.วังหิน รับฟังบรรยายสรุปติดตามสถานการณ์ ความพร้อมทางการแพทย์และสาธารณสุข เยี่ยมผู้ป่วยที่อพยพมาจาก รพ.ภูสิงห์ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้กับการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา พร้อมมอบสิ่งของที่จำเป็น ให้กำลังผู้ป่วยและทีมแพทย์พยาบาล ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง รพ.ปรางค์กู่ อ.ปรางกู่ จ.ศรีสะเกษ พร้อมกับเข้ายี่ยมประชาชนที่ศูนย์อพยพ 2 แห่ง โดยได้ทักทาย พูดคุยกับเด็กและผู้สูงอายุ ให้กำลังใจ ยืนยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้งประชาชน จะดูแลประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและทุกคนได้เดินทางกลับภูมิลำเนา จากนั้นนายสมศักดิ์ และคณะเดินทางต่อไปยัง รพ.ห้วยทับทัน เพื่อพบและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จึงมอบหมายให้พวกเราลงพื้นที่ดูแลปประชาชนแทน และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลจะขอเบิกงบประมาณ การประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารนี้ เพื่อมาดูและเยียวยา สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้มาเยี่ยมเยียนผู้ป่วยที่อพยพมาจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น อ.ภูสิงห์ ที่มารักษาพยาบาลต่อเนื่อง บางรายก็กลับบ้านไปแล้ว อีกทั้งอยากมาให้กำลังบุคลากรทางการแพทย์ และมาขอบคุณในการทำหน้าที่ดูและประชาชนอย่างเข้มแข็งในช่วงสถานการณ์นี้
อีกทั้งได้ไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิง 2 แห่ง มีประชาชนอพยพเกือบพันคน แม้ว่าจะไม่สะดวกสบายนัก แต่ประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใส มีการดูแลกันเป็นอย่างดี คนพักพิงกับคนดูแลมีจำนวนเกือบเท่ากันแสดงว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน ฝ่ายรัฐบาลก็คอยเติมเต็มให้ในส่วนที่ขาด ส่วนประชาชนที่ป่วยเรื้อรัง เช่น ฟอกไต ก็ได้ให้ขนอุปกรณ์ของกรมการแพทย์เข้ามาให้การช่วยเหลือแล้ว ทั้งนี้ หาก รพ.ที่ศรีสะเกษ ไม่เพียงพอ ก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยัง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ที่จังหวัดอุบลราชธานีได้ แต่คิดว่ายังเพียงพอที่จะดูแลประชาชน
“ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันสู้เพื่อดินแดนของเรา หมอก็รักษาคนป่วย ทหารก็อยู่ชายแดน รัฐบาลก็เคยเสริม ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ และกระทรวงสาธารณสุข ก็มีทีมเยียวยาจิตใจและอีกหลายทีมประมาณ 602 ทีม คอยเข้าไปดูแล นำกำลังสนับสนุน ช่วยกันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ประท้วงกรณีที่มีการทิ้งระเบิดใส่รพ. พื้นที่พลเรือน ซึ่งขัดกับหลักมนุษยธรรมเป็นอย่างมาก ก็ได้ประท้วงให้สังคม ช่วยกันดูว่ายังมีคนที่มีจิตใจอำมหิตในโลกนี้อยู่ เราประณามไปแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่านายสมศักดิ์ ได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งถึงดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กรณีกัมพูชา ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ค.ศ.1949 ข้อ 18 และ 20 โดยโจมตีที่ส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิต 13 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 32 ราย และสร้างความเสียหายแก่สถานพยาบาลและพื้นที่โดยรอบภายในดินแดนของไทย การกระทำดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกและความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง จึงเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. รับรองและบันทึกเหตุการณ์นี้รวมถึงผลกระทบในวงกว้างต่อการปกป้องบริการด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนที่เปราะบาง 2. ส่งเสริมสารทั่วโลกที่เรียกร้องให้มีการเคารพและคุ้มครองโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ตลอดเวลา รวมถึงในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งหรือความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น และ
3. อำนวยความสะดวกในการประสานความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นอีก และเพื่อรับประกันความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขโดยไทยขอยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อหลักนิติธรรมระหว่างประเทศและหลักการพื้นฐานว่าด้วยการคุ้มครองทางมนุษยธรรม เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อบทบาทผู้นำขององค์การอนามัยโลกในการธำรงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบสาธารณสุขในทุกสถานการณ์ และเชื่อมั่นว่าข้อกังวลของเราจะได้รับการพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล