กระทรวงการต่างประเทศ เผยความจำเป็นในการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา หลังสถานการณ์ตึงเครียดลุกลาม ย้ำ มาตรการปกป้องอธิปไตยเป็นไปตามขั้นตอน พร้อมเดินหน้าประท้วงและประณามกัมพูชาอย่างที่สุดในการละเมิดอธิปไตย
วันนี้(24 ก.ค.) นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศบ.ทก. ยืนยันมาโดยตลอดว่า ไม่ปิดด่านเพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามที่หารือกันในที่ประชุม เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทางการไทยมีความจำเป็นต้องปิดด่านในจุดต่างๆ เพื่อปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นตอน จากขั้น 1-2 ที่ผ่านมา จนขณะนี้มาถึงขั้นที่ 4
ส่วนการดำเนินการด้านการต่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ในเรื่องเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่อำเภอช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และการประท้วงของฝ่ายไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศมาเข้าร่วม จำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ โดยฝ่ายไทยได้ชี้แจงท่าทีและจุดยืนในเรื่องดังกล่าว และการดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งการประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง รวมถึงการประท้วงไปที่ประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และการดำเนินการต่อไป ซึ่งผู้แทนประเทศต่างๆโดยเฉพาะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาได้รับทราบจุดยืนและเห็นพ้องกับแนวทางของไทย ซึ่งเป็นไปตามพันธะกรณีของไทยเอง เพราะจากเหตุการณ์เมื่อวาน ที่มีกำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นาย ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุดการละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขอแสดงความเสียใจต่อทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป
สำหรับสถานการณ์การประทะระหว่างกำลังทั้งสองฝ่าย ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ และดีที่สุดยืนยันว่าพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพ โดยดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป
ขณะที่ท่าทีต่อสถานการณ์ล่าสุด และความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ขอให้ติดตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ และการแถลงข่าวโดย โฆษกกระทรวงกระทรวงการต่างประเทศ
สุดท้ายนี้ขอร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนโดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่กำลังปฎิบัติหน้าที่