xs
xsm
sm
md
lg

พ่อ-ลูก หมดสภาพ ล็อกคอพรรคร่วมลงเหว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หลายคนมองว่านี่คือการตรวจแถวเช็กชื่อ พร้อมทั้ง “ขอร้องและปลุกใจ” ให้ช่วยกันกอดคอให้รัฐบาลผสมที่เสียงปริ่มน้ำอยู่ไปให้ตลอดรอดฝั่งให้ได้ และที่สำคัญนายทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่รู้ว่ามาร่วมงานในฐานะอะไรกันแน่ แม้ว่าจะอ้างว่ามาเป็นวิทยากรก็ตาม โดยย้ำว่า “จะอยู่ร่วมกันตลอดไป จนถึงครั้งหน้า”

แม้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะมีหัวข้อว่า “สามัคคีประเทศไทยปกป้องอธิปไตยแก้ปัญหาเพื่อประชาชน” เน้นในเรื่อง “ความสามัคคี” เพื่อประชาชน ก็ตาม แต่ในความหมายที่แท้จริงแล้ว มันก็ไม่ต่างจากการมา “ย้ำให้ช่วยกันกอดคอให้ตลอดรอดฝั่ง” เท่านั้นเอง

เพราะอย่างที่รู้กันก็คือเวลานี้เป็นรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” และที่ผ่านมาเกิด “องค์ประชุมล่ม” แทบจะทุกสัปดาห์ ทำให้มีความเสี่ยงหากต้องพิจารณาโหวตร่างกฎหมายการเงิน

นอกเหนือจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านกฎหมายที่ทั้งตัว นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังถูกสั่งพักหน้าที่นายกฯ และนายทักษิณ ชินวัตร ก็มีความเสี่ยงที่จะต้องกลับเข้าคุก จากหลายคดีที่งวดเข้ามาในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงดินเนอร์ พรรคร่วมรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรี แกนนำสส. ข้าราชการการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้หัวข้อ “สามัคคีประเทศไทยปกป้องอธิปไตยแก้ปัญหาเพื่อประชาชน” โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมในฐานะวิทยากรบรรยายพิเศษด้วย

นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้กำลังท้าทายพวกเรา ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราจะต้องสร้างความเป็นปึกแผ่น สร้างความแข็งแรงของพรรคร่วมรัฐบาล แม้ว่าเสียงจะเกินกึ่งหนึ่ง ไม่มากเกินไปนัก แต่ด้วยความสามัคคีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาของชาติ เกิน 1 เสียงก็ยังพอ วันนี้เราเกินเยอะกว่านั้น และเข้าใจว่า มียุทธการ ซึ่งไม่ค่อยพึงปรารถนาเท่าไหร่ ซึ่งมีมาทุกฝ่าย ก็ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น

ในสมัย 51 ปีที่แล้ว ตนมีบทบาทในการควบคุมสส. ให้มาโหวตในกฎหมายสำคัญทุกรอบ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ตนต้องไปอยู่ในสภาต้องไปไล่ตามหัวหน้าพรรคต่างๆ และทำบัญชี ตรงนี้ละทิ้งไว้ในฐานที่เข้าใจ เป็นบัญชีที่ทำให้ผู้แทนทั้งหลายได้อยู่ในสภา และให้มั่นใจว่า เราชนะหมด ก็ประคองอยู่พักหนึ่งตอนหลังมาพอดีมีเหตุการณ์หลายอย่าง บังเอิญของเรา มีพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในจังหวะที่มั่นใจว่าได้เปรียบทางการเมืองแต่เป็นจังหวะที่ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ก็ไม่เป็นไร

“วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นปึกแผ่นแข็งแรงดีจากการที่ผมได้พบปะทุกๆคนหัวหน้าพรรคทุกๆ คน ยังยืนยันว่าเราจะไปด้วยกันและผม บอกกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าทีมนี้แหละเมื่อเลือกตั้งแล้วก็จะเป็น ร้วมมือกันอีกครั้ง เมื่อมันไม่ทิ้งกันขนาดนี้ก็ต้องไม่ทิ้งกันตลอดไปจริงไหมครับ” นายทักษิณ ซึ่งบอกว่าเป็นวิทยากร แต่ได้ให้คำมั่นสัญญากับพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันว่าหลังการเลือกตั้งจะกลับมาจับมือกันอีก

นั่นคือ บางช่วงบางตอนสำหรับคำพูดภายในงานเลี้ยงของ นายทักษิณ แน่นอนว่าได้เน้นย้ำถึงความสามัคคี และวางเป้าหมายข้างหน้า อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังส่งผลต่อรัฐบาลผสมที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของอยู่นั้นถือว่า “ง่อนแง่น” อย่างหนัก จนแทบจะเชื่อได้ว่าไม่อาจเสนอกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเงินเข้าสภาได้เลย เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมา นั่นหมายความว่านายกรัฐมนตรีต้องลาออก หรือยุบสภา เท่านั้น

ซึ่งสถานการณ์แบบนี้รับรองว่า นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่พร้อมให้มีการเลือกตั้งใหม่แน่นอน เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าตอนนี้ความนิยมทั้งส่วนตัวและรัฐบาล กำลังเสื่อมถอยอย่างหนัก และหลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไป มีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ และมีการ “ยึดเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย” คืนมา

ดังนั้นเป้าหมายเร่งด่วนอย่างน้อย ก็ต้องมีการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญให้ได้ก่อนภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเตรียมจัดแถวรองรับการเลือกตั้ง รวมไปถึงอาจต้องลุ้นสร้างผลงานให้สามารถเป็นจุดขายให้ได้สักเรื่อง อย่างที่เห็นเวลานี้กำลังตีปี๊บ “ปราบยาเสพติด” ที่เคยใช้ในยุคของนายทักษิณ ก็ปัดฝุ่นมาใช้ใหม่ เพียงแต่ว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว บรรยากาศ อำนาจมันไม่ได้เบ็ดเสร็จเหมือนก่อน

ขณะเดียวกันสถานการณ์ที่เป็นจริงเวลานี้ หลังจากที่นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น แจกเงินหมื่นดิจิทัลฯ แลนด์บริดจ์ ล้วนล้มเหลวไม่เป็นท่า ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยว ก็ไม่เข้าเป้า นี่ยังต้องมาเจอกับเรื่อง “ภาษีทรัมป์” ที่ไม่รู้ว่าจะออกรูปไหน จะมาก หรือเท่ากับเวียดนาม อินโดนีเซียหรือเปล่า เพราะเวลานี้ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในอัตรา 36 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าอ่วมหนัก แม้ว่าจะเท่ากับประเทศดังกล่าว แต่การแข่งขันของเขาเวลานี้สู้เขาลำบาก

ถือว่าทุกอย่างทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ไม่เป็นใจให้กับ “รัฐบาลสองพ่อลูก” เลยแม้แต่น้อย และไม่ต้องแปลกใจที่ผลสำรวจออกมาดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ยิ่งในสังคมโซเชียล ยิ่งมีแต่เสียงด่า ลามเข้าไปถึงเว็บของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ยังถูกวิจารณ์กันเละ แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สภาพเวลานี้ของ นายทักษิณ ชินวัตร จึงต้องทำหน้าที่ “แบก” ของจริง แบกแบบหลังใกล้หักเต็มทีแล้ว และคำพูดในงานดินเนอร์ดังกล่าว ที่ย้ำว่า “อย่าทิ้งกัน จะกอดคอกันตลอดไป” ความหมายก็คือ มาจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันใหม่หลังเลือกตั้ง ซึ่งในความเป็นจริงนี่คือการ “ลดอหังการ์” เพราะรู้ดีว่าครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะ “หดตัว” ลงไปอีก เรื่อง “แลนด์สไลด์” ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลืมไปได้เลย

อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “หยอดความหวัง” ให้กับพวกพรรคร่วมรัฐบาล สำหรับที่หวังแต่เป็นฝ่ายรัฐบาล ให้เกาะเกี่ยวกันให้แน่น โดยเฉพาะในสภาต้องช่วยกันประคับประคองกันไปให้นานที่สุด อย่างน้อยก็ต้องให้ผ่านร่างงบประมาณปี 69 และ ผ่านการโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งสำคัญ ในเดือนกันยายน เพื่อรองรับการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในปลายปี หรือต้นปีหน้า

ดังนั้น นาทีนี้หากพิจารณาจากภาพที่เห็นถือว่าทั้งรัฐบาล และ นายทักษิณ ชินวัตร กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเต็มที ทั้งความศรัทธาที่เสื่อมทรุด ไร้ผลงาน และที่สำคัญยังต้องเจอกับวิกฤตด้านคดีความ ที่กำลังเริ่มงวดเข้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งคำพูดที่ออกมาในเชิงขอร้องให้พรรคร่วมสามัคคีกัน และให้กอดคอกันตลอดไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาวิกฤตเต็มทีแล้ว !!



กำลังโหลดความคิดเห็น