กต.เตรียมทำหนังสือประท้วงกัมพูชาเป็นทางการ ปมลอบวางทุ่นระเบิด หลังแถลงประณามแล้วเมื่อวาน เตรียมแจ้งการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาต่อที่ประชุมที่มีญี่ปุ่นเป็นประธาน เพื่อให้รับผิดชอบ พร้อมเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่ต่อมิตรประเทศและองค์การต่างๆ และจัดบรรยายสรุปคณะทูตประจําประเทศไทย
วันนี้(21 ก.ค.) นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษกด้านการต่างประเทศของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ( ศบ.ทก.) ได้แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.วันนี้ว่า ที่ประชุม ศบ.ทก.มีความเคลื่อนไหวสําคัญที่เกี่ยวข้องกับมิติด้านการต่างประเทศหลายประเด็นสรุปได้ดังนี้
กรณีกําลังพลของกองทัพบกไทย 3 นายซึ่งทําการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทยในพื้นที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และประสบเหตุเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มี 1 นายได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง วันนี้ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้รับการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ตรวจพบไม่มีการใช้และไม่อยู่ในคลังอาวุธของไทย เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูลและหลักฐานอื่นๆ จากฝ่ายความมั่นคงนําไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้แล้ว และขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สําคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ
อีกทั้งยังเป็นการกระทําที่ละเมิดพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน กล่าวคือ 1.การมีอยู่ซึ่งทุ่นระเบิดนั้นและ 2.การวางซึ่งเป็นการนําไปใช้ในทางที่ผิด
ดังนั้นเพื่อรักษาท่าทีและผลประโยชน์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะดําเนินการในเรื่องนี้ดังต่อไปนี้ อย่างแรก กระทรวงการต่างประเทศจะประท้วงอย่างเป็นทางการกรณีที่เกิดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากเป็นการละเมิดอธิปไตยหลักกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรมและพันธะกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และยังส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพ
ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจะดําเนินการตามกระบวนการของอนุสัญญาออตตาวา ตามพันธกรณีของไทยที่เป็นรัฐภาคีที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศที่จะต้องแจ้งการละเมิดอนุสัญญาต่อประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา ซึ่งปัจจุบันประธานที่อยู่ในวาระก็คือญี่ปุ่น เพื่อนําไปสู่การรับผิดชอบโดยกัมพูชา
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าต่อในการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้มิตรประเทศและองค์การต่างๆ รับทราบ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสําคัญต่อภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา เช่น ญี่ปุ่น และนอร์เวย์ รวมถึงองค์การต่างๆ ที่มีบทบาทในเวทีของอนุสัญญาออตตาวาเอง และจะจัดการบรรยายสรุปคณะทูตประจําประเทศไทยในเรื่องนี้
นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สํานักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก และจะได้พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่างๆ เพื่อใช้โอกาสนี้ยืนยันจุดยืนของไทยต่อประชาคมโลก โดยเฉพาะหลักการของไทยที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และการเจรจาผ่านกรอบทวิภาคีดังที่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศระบุไว้แล้ว
ไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันไว้แล้ว ภายในกรอบทวิภาคี ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของพื้นที่และของประชาชนของ 2 ฝ่าย
นางมาระตี กล่าวว่า แม้ขณะนี้ เรากําลังดําเนินการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมีทั้งมิติด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี และการดําเนินการตามกลไกและพันธกรณีระหว่างประเทศ แต่ขอเน้นย้ำว่าไทยยังคงยืนยันจุดยืนที่จะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ในเวลานี้ผ่าน กลไก ทวิภาคีที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JBC RBC และ GBC
ฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกัมพูชาจะให้ความร่วมมือในกรอบเหล่านี้ อย่างจริงจัง และสุจริตใจ โดยเริ่มจากการเข้าร่วมการประชุม JBC ครั้งต่อไปที่มีกําหนดจัดในเดือนกันยายนนี้ ที่เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด อีกทั้งไทยพร้อมที่จะใช้กรอบทวิภาคีอื่นๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง ของ 2 ประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
“บทส่งท้ายสําหรับวันนี้ ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคมโดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่นโดยบุคคลระดับสูงของฝ่ายกัมพูชา ที่บางครั้งอาจย้อนแย้งกันเอง และย้อนแย้งทั้งคําพูดและการกระทํา ซึ่งอาจนําไปสู่ความเข้าใจผิดหรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจนะคะ จึงขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลก่อนนําขึ้นพื้นที่สาธารณะนะคะ
“ขอย้ำว่า การแถลงข้อมูลและการชี้แจงการดําเนินการของฝ่ายไทย เราเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางทางการ ที่มีความรอบคอบและมีความถูกต้องของข้อมูลบนพื้นฐานของกฎหมาย เราไม่ได้ดําเนินการเพียงเพื่อให้เกิดความรวดเร็วแต่ไม่ได้สนใจความจริงข้อเท็จจริง หรือเพียงเพื่อให้ได้รับความนิยมตามกระแสในสังคม โดยปราศจากความถูกต้อง ตามหลักการ ศบ.ทก.นะคะ จึงขอให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับอย่างรอบคอบ และเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากทุกหน่วยงาน ทั้งรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงที่กําลังทํางานกันอย่างเต็มที่ โดยไม่มีวันหยุดเพื่อให้เกิดความสามัคคีกันในระหว่างคนของเรากันเอง ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญที่สุดในยามนี้ รวมถึงติดตามข้อมูลข่าวสารจากช่องทางทางการและแหล่งที่เชื่อถือได้” นางมาระตี กล่าว.