“เปรมศักดิ์” จี้ดีอีจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์-เว็บพนัน-เว็บโป๊ “รมว.ดีอี” รับลูก เดินหน้าปิดเว็บหมื่นเป็นแสน ล่าตัว “ก๊ก อาน” ขอหมายแดงอินเตอร์โพล เล็งเช็กบิลแพลตฟอร์มหลอกคนไทย
ในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 ก.ค. นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ตั้งกระทู้ถามสดถึงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถึงมาตรการในการจัดการปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ และเว็บไซต์ลามกอนาจาร ที่ยังคงสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก แม้รัฐบาลจะมีการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่มีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า แม้จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนมีสติ ไม่หลงเชื่อ แต่หลายกรณีกว่าคนจะมีสติ สตางค์ก็หมดไปแล้ว เมื่อรัฐบาลมีเครื่องมือทางกฎหมายแล้ว เหตุใดจึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เต็มศักยภาพ และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ที่ตั้งขึ้นนั้นมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ รวมถึงมีปัญหาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานหรือไม่ เพราะปัญหาของระบบราชการไทยคือ การไม่ประสานงานกัน
ด้านนายประเสริฐ ชี้แจงว่า ตั้งแต่พระราชกำหนดฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นทั้งด้านการเงิน ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ด้านโทรคมนาคม และกระบวนการคืนเงินแก่ประชาชน รวมถึงการยกระดับการทำงานของ ศอปท. ให้เป็นศูนย์บูรณาการที่สามารถสั่งการได้จริง โดยมีการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางเพื่อใช้ในการประสานข้อมูลและเร่งบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีลดลงอย่างชัดเจน
ปัจจุบันการส่งข้อความหลอกลวงที่แนบลิงก์ดูดเงินนั้นแทบไม่เหลือแล้ว และหากผู้ให้บริการโทรคมนาคมปล่อยให้มีการส่งลิงก์ดังกล่าว ก็จะต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน โดยในระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงสามารถปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมายได้จากเดิมเฉลี่ยเดือนละ 10,000 เว็บ เพิ่มเป็น 100,000 เว็บต่อเดือน ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นมา แต่ยังไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้มักเปลี่ยน URL และใช้เซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
นพ.เปรมศักดิ์ ถามต่อถึงปัญหาเว็บไซต์พนันและเว็บไซต์ลามกอนาจาร ที่ยังคงแพร่ระบาดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มข้าราชการเกษียณและนักเรียนนักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก พร้อมเสนอให้กระทรวงดำเนินการให้ความรู้เชิงรุกแก่กลุ่มเปราะบางเหล่านี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลสามารถดำเนินคดีถึงตัวการใหญ่ของขบวนการ เช่น กรณีของ “ก๊ก อาน” ซึ่งมีข่าวว่ายังอยู่ในประเทศไทย แต่ยังจับกุมไม่ได้ พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดการแพลตฟอร์มต่างประเทศ โดยเฉพาะ Facebook ซึ่งเป็นต้นตอของการหลอกลวงประชาชน
นายประเสริฐ ตอบว่า ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายที่ยังเป็นเหยื่อ เช่น ข้าราชการเกษียณและนักเรียนนักศึกษา กระทรวงจะเร่งจัดทำแผนให้ความรู้ในเชิงรุกต่อไป ส่วนกรณีก๊ก อาน และครอบครัว ขณะนี้ถูกออกหมายจับแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอหมายแดงจากองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อประสานให้ประเทศปลายทางส่งตัวกลับมา
สำหรับกรณีแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น Facebook รัฐมนตรีดีอีเอสรับปากว่าจะเร่งหารือในระดับนโยบาย เพื่อหาแนวทางจัดการ โดยอาจใช้กลไกกฎหมายหรือเจรจากับแพลตฟอร์มให้ร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนไทย
“กระทรวงดีอีเอสพร้อมรับฟังข้อเสนอจากสมาชิกวุฒิสภา และยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างเต็มที่เพื่อคุ้มครองประชาชนจากภัยร้ายในโลกดิจิทัล” นายประเสริฐกล่าว