แม่ทัพภาค 2 สั่งเลื่อนยศ-บำเหน็จทหารเหยียบกับระเบิด พร้อมดูแลครอบครัวเต็มที่ ทบ.นำคณะสื่อลงพื้นที่พิสูจน์ “ภูมะเขือ” ยังอยู่ในความควบคุมไทย ไม่ได้ถูกยึด ผบ.หน่วยย้ำสถานการณ์ไม่ตึงเครียด วอนอย่าตื่นตระหนกตามกระแสโซเชียล
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 มีรายงานข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการให้ฝ่ายกำลังพล กองทัพภาคที่ 2 ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่ พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะเป็นการปฏิบัติภารกิจ เพื่อปกป้องอธิปไตยในการออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481
โดยมีการปูนบำเหน็จเลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ เหตุสูญเสียฯ จากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท เมื่อรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงินประมาณเดือนละ รวม 29,800 บาท พร้อมรับเงินก้อนจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ รวม ประมาณ1,047,150 บาท
พร้อมทั้งบรรจุทายาททดแทน พี่สาว ได้ 1 คน เป็นอัตรานายสิบ และหลังจากปลดพิการ สามารถขอรับสิทธิ์ เข้าร่วมโครงการตามมาตรา 35 (3) หรือ 35 (7) ได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกันนี้ยังได้รับบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 3 (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิต)
นอกจากนี้กองทัพบก ยังได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ ฐานปฏิบัติภูมะเขือ จ.ศรีษะเกษ ภายหลังมีกระแสข่าวภูมะเขือ ถูกทหารกัมพูชายึด
พ.ท.จักรกพ.ท.จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 กองกำลังสุรนารี รับผิดชอบพื้นที่ ระบุว่า ในพื้นที่ที่เรายืนอยู่ในขณะนี้เรียกว่ายอดภูมะเขือ มีทหารวางกำลังตลอดแนว และยังรักษาอธิปไตย ซึ่งในส่วนของพื้นที่ตรงข้ามเราสามารถควบคุมได้ ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่จะงอยภูมะเขือนั้น เป็นเพียงจุดตรวจ ส่วนกำลังอยู่ในพื้นที่ด้านล่าง ในขณะที่ความสัมพันธ์ ของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นี้ เรามีจุดพัฒนาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ ตั้งแต่ระดับฐานปฏิบัติการ ถึงระดับหน่วยขนาดใหญ่
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ ไม่มีความตึงเครียดตามกำลังในพื้นที่ของตัวเอง มีการลาดตระเวนและพบปะกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนประชาชน ได้ติดตามข่าวสารผ่านทาง โซเชียลมีเดีย แล้วทำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น ขอให้เชื่อมั่น กำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ บริเวณนี้ ว่าจะสามารถรักษาอธิปไตยในพื้นที่ ภูมะเขือได้ต่อเนื่อง
พ.ท.จักรกฤษณ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่ทำกัมพูชา สร้างกระเช้าและบันไดขึ้นภูมะเขือว่า ในส่วนของกระเช้ามีขนาดเล็ก ใช้เครื่องรอกดึงขึ้นเป็นการสร้างเพิ่มเติมกำลังตั้งแต่ ปี2551-2552 ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ส่วนทหารกัมพูชาถ้าจะขึ้นมาก็ต้องใช้บันได ซึ่งเป็นทั้งบันไดไม้และบันไดเหล็กที่เขาสร้างขึ้น และจากการตรวจตราฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีการเพิ่มเติมกำลัง
ส่วนข้อครหา ทหารไทยปล่อยให้ทหารกัมพูชา เข้ามาลุกคืบในพื้นที่ภูมะเขือนั้น พ.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ทหารฝ่ายเราได้มีการลาดตระเวนต่อเนื่อง มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในพื้นที่ก็จะมีการประท้วง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการไปหลายครั้ง บางครั้งเขาก็ปฏิบัติตาม บางครั้งก็ไม่ปฏิบัติตามเช่น การปรับสภาพพื้นที่ การก่อสร้าง พร้อมทั้งยืนยันว่า บนภูมะเขือ ทหารไทยลาดตระเวนและดูแลพื้นที่ทั้งหมด ส่วนทหารกัมพูชา ลาดตระเวนอยู่ด้านล่าง
