สถานีต่อไปถอดถอน!?.. “แพทองธาร” ยังไถล คลิป “อังเคิล-หลาน” เป็น “วิธีการ” ** “ทักษิณ” แก้เกม ให้ “อิ๊งค์” นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม ดักทางศาลรธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ สถานีต่อไปถอดถอน!?.. “แพทองธาร” ยังไถล คลิป “อังเคิล-หลาน” เป็น “วิธีการ”

แฮชแท็ก #ศาลรัฐธรรมนูญ พุ่งติดเทรนด์ในโลกโซเชียลฯ หลังรับคำร้องคดีถอดถอน สั่ง “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่

ปฏิกิริยาดังกล่าว สะท้อนอารมณ์ของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่เชื่อว่า ทุกคนต้องการจะเห็น เพราะนับแต่ คลิปเสียง “อังเคิล-หลาน” ถูก “ฮุนเซน” ปล่อยออกมา ประชาชนคนไทยก็รับไม่ได้กับ “เนื้อหา” ที่โดยรวม “อังเคิล อยากได้อะไรเดี๋ยวจัดการให้” และ “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม”

ต้องย้ำว่า เมื่อวานนี้ (1ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้อง 36 สว. วินิจฉัยปมคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี และมี มติ 7 ต่อ 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีชั่วคราว มีผลในวันที่ 1 ก.ค.2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งวินิจฉัย

“แพทองธาร” ให้สัมภาษณ์ ภายหลังรับทราบมติศาลรัฐธรรมนูญว่า ขอน้อมรับคำพิจารณาของศาล จากนี้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีเวลา 15 วันในการชี้แจง โดยจะทำให้เต็มที่ เพื่อบอกถึงความตั้งใจที่แท้จริงของการพูดคุยในคลิปเสียงดังกล่าว
“อิ๊งค์” ยืนยันว่า มีเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ รักษาอธิปไตย รักษาชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน รวมทั้งเพื่อสันติภาพ แต่ “วิธีการ” อาจถูกใจ และไม่ถูกใจใครหลายคน และคงรับไม่ได้ หากพูดสิ่งใดไปแล้วทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะ หรือโกรธเคืองกัน ซึ่งไม่มีเจตนาร้าย และจะชี้แจงอย่างครบถ้วน

จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ว่า เป็นความตั้งใจ และพยายามเกิน100% ทำเพื่อประเทศชาติ เจตนาไม่ได้อยากได้อะไรของตัวเองเลย คิดอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรให้ไม่เกิดความวุ่นวาย ไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ


ก่อนจะโบกมือลาออกจากทำเนียบรัฐบาล “อิ๊งค์” ขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจ และขอโทษพี่น้องคนไทยทุกคนที่รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ หรือรู้สึกโกรธเคือง ยืนยันว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ต้องขอโทษใน "วิธีการ"

หลังจากนี้ ช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะทำเพื่อประเทศชาติในฐานะหน้าที่คนไทยคนหนึ่ง และยังมีแรงกายแรงใจครบ100% ทำงานต่อ ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม

ฟังนายกฯพูดแล้วคิดกันอย่างไร ก็คงไม่ต้องบอก เพราะในโลกโซเชียลฯ ชาวเน็ตแสดงความเห็นกันอย่างร้อนระอุดุเดือด

โดยเฉพาะคำกล่าวของนายกฯ ที่ว่า “วิธีการ” อาจถูกใจ และไม่ถูกใจใครหลายคน หลายคนเห็นว่า จนป่านนี้ “แพทองธาร” ยังใช้สำนวนโวหาร หรือ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันว่า “ตะแบง” นั่นแหละ

บ้างก็ว่า ประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินหญ้า บทสนทนาระหว่าง อังเคิลกับหลาน ไม่ใช่เรื่องของ “วิธีการ” แต่เป็น “เนื้อหา” ที่ทำให้ประเทศเสียเกียรติ-เสียศักดิ์ศรี

ฟากผู้ร้อง “พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา” สว. และ ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ให้ความเห็นว่า ศาลพิจารณาตามเหตุตามผล เป็นเรื่องที่ชัดเจน ถ้าอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เราจะเสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม

ถามว่ามีสิทธิ์ที่ “นายกฯอิ๊งค์” จะถูกถอดถอนซ้ำรอยกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ? ซึ่ง พลเอกสวัสดิ์ คิดว่า มีเปอร์เซ็นต์สูง ที่จะไปถึงตรงนั้น

ขณะที่ “ตัวตึง” สายมโน อย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "พายุ นิติสงคราม ก่อตัวระลอกใหม่" ซึ่งมีโอกาสที่จะ "กวาดหมดกอง" เพื่อสร้าง "สุญญากาศทางการเมือง" ตามเป้าประสงค์ของนักสร้างสุญญากาศฯ
“ปิยบุตร”เสนอทางออกว่า "รักษาการนายกรัฐมนตรี" ยังพอมีเวลา และโอกาสที่จะตัดสินใจใช้อำนาจ "ยุบสภา" เพื่อผ่าทางตันวิกฤตการเมือง และคืนอำนาจให้ประชาชน ได้ตัดสินใจกันใหม่

นี่คือหนทางที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ในความคิดของ “ปิยบุตร”

แน่นอนว่า ระหว่างนี้ “สุริยะมือเหล็ก” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม จะทำหน้าที่รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี เพราะ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ อันดับ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเดิม รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เพื่อรับตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ซึ่งจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อเมื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ พร้อมกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในวันที่ 3 ก.ค.นี้

งานนี้ก็ต้องรอชม ในท้ายที่สุดศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยอย่างไร ?

สถานีต่อไปของ "แพทองธาร ชินวัตร" จะถูกถอดถอน หรือไม่ !?.. โปรดติดตาม!


++ “ทักษิณ” แก้เกม ให้ “อิ๊งค์” นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม ดักทางศาลรธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

ช่วงนี้ฤดูฝน อากาศแปรปรวน เช้าแจ่มใส บ่ายฟ้ามืด ฝนตกหนัก!

เช้าวันที่ 1 กรกฎาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศรายชื่อ “ครม.แพทองธาร 2” บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล จึงคึกคัก ครึกครื้น สดใสเป็นพิเศษ

โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย ได้เป็นรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย ,นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกฯ, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็น รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมว.เกษตร และสหกรณ์ล , นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นรมว.พาณิชย์, นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็น รมช.พาณิชย์, นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็น รมช.มหาดไทย

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.แรงงาน , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นรมช.ศึกษาธิการ , นายอนุชา สะสมทรัพย์ เป็น รมช.สาธารณสุข , นายชัยชนะ เดชเดโช เป็น รมช.สาธารณสุข และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็น รมว.วัฒนธรรม อีกตําแหน่งหนึ่ง

เมื่อเห็นรายชื่อครม.ใหม่ ผู้ติดตามการเมืองส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า เป็นการจัดสรรโดยให้ความสำคัญกับโควตาพรรคร่วม เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล มากว่าการเลือกคนมาให้ตรงกับงานที่รับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาของชาติ

แม้จะมีคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในเจเนอเรชันเดียวกับ “นายกฯอิ๊งค์” อยู่หลายคน แต่ก็เป็นไปในลักษณะเครือญาติ ร่วมผลประโยชน์ ...
ภาษาการเมือง แบบขวานผ่าซาก เขาเรียกกันว่า “ซื้อเก้าอี้”

อย่างเช่น “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ได้นั่ง รมว.แรงงาน เพราะเป็นหลานของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและ รมว.คมนาคม ผู้อยู่รับใช้ “ระบอบทักษิณ” มานาน

แม้ “พงศ์กวิน” จะจบปริญญาตรี วิศวะ ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ม.รังสิต เคยเป็นประธานกรรมการ และกรรมการบริษัท เอกชน ของเครือญาติ

แต่ก็เพิ่งเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อปี 2561นี่เอง โดยเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จากการผลักดันของ “สุริยะ” และสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งปี 2562 จากนั้น ย้ายตาม “สุริยะ” มาสังกัดพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อปี 2566 และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

วันนี้ “พงศ์กวิน” ขี่จรวด ทะลุเมฆ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการะทรวงแรงงาน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการ มาก่อน


หรืออย่าง “ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” รมช.พาณิชย์ นี่ก็เป็นลูกชายของ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อดีตเลขาธิการ กสทช. คนแรก ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งเรื่องคลื่นนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นของชอบ ของ“ทักษิณ”

หรืออย่าง “ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” ที่ได้เป็น รมช.ศึกษาธิการ นี่ก็เคยร่วมงานการเมืองกับ พรรคไทยรักษาชาติ ก่อนมาเป็นนักวิเคราะห์ข่าวการเมือง ทางสถานีโทรทัศน์ “วอยซ์ทีวี” ต่อมาร่วมงานพรรคเพื่อไทย และได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรค จากนั้นเป็น รองเลขาธิการพรรค กระทั่งการเลือกตั้งปี 2566 ลงรับสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ และได้เป็น สส.สมัยแรกในครั้งนี้ จากนั้นก็เป็น รมช.ศึกษาธิการ เลย

หรือเป็นเพราะว่า ในช่วงที่ผ่านมา เธอออกมาเป็น“หนังหน้าไฟ” ให้ นายกฯอิ๊งค์ อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีคลิปฮุนเซน เลยได้เป็นรัฐมนตรี

แม้เช้าวันที่ 1 กรกฎาคม บรรยากาศจะสดใส แต่ตกบ่าย ฟ้ามืด ฝนกระหน่ำ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง รับคำร้อง ที่ สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ จากกรณีคลิปเสียง และ มีมติ 7 ต่อ 2 ให้ นายกฯ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่า ศาลจะมีคำวินิจฉัย

อันที่จริงมติสั่งนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะเรียกเป็น เอกฉันท์ 9 เสียงก็ได้ เพราะ 2 เสียงข้างน้อย “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” และ “อุดม สิทธิวิรัชธรรม” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ควรห้ามนายกฯ ใช้หน้าที่และอำนาจ ด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และด้านการคลัง ไม่ใช่การห้ามปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดของนายกฯ

เหมือน “ทักษิณ” จะรู้ว่า “อุ๊งอิ๊งค์” อาจถูกห้ามปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จึงจัดให้ไปนั่งควบ รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยอ้างว่าเพื่อผลักดันโครงการ “ซอฟต์ เพาเวอร์”


แต่ความจริงแล้วเพื่อต้องการให้ “อุ๊งอิ๊งค์” ใช้ตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม เข้าไปนั่งควบคุมที่ประชุมครม.ต่างหาก

ก็คอยดูแล้วกันว่า ในการประชุมครม.หลังจากนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่นั่งหัวโต๊ะ กับ รมว.วัฒนธรรม ใครจะใหญ่กว่ากัน
เรื่องนี้ “หมอตุลย์” นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ก็แก้ทางกลับไป โดยยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ สว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ร่วมกันลงชื่อให้ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องต่อศาลรธน. เพื่อถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

ต้องติดตามว่า วุฒิสภา จะรับลูก“หมอตุลย์” หรือไม่

แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องถอดถอนนายกฯไว้พิจารณา ในทางการเมืองถือ“ครม.อิ๊งค์”ก็เริ่มนับถอยหลังแล้ว