สว.สำรอง บุก กกต. ยื่นจดหมายฉบับที่ 7-8 เรียกร้องให้ชี้แจง “เลขาฯ แสวง” ละเว้นหน้าที่ เปิดหีบบัตรเลือก สว. ย้ำต้องตั้ง กก.สอบทันที พร้อมพักงาน
วันนี้ (2 เม.ย.) กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 7 และ 8 ถึง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ กกต. เพื่อขอทราบผลการดำเนินการกับ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขอให้มีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อตรวจสอบความสุจริต
โดยหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 7 ได้อ้างถึง สว.สำรอง ขอทราบผลการดำเนินงานจาก กกต. 4 ประเด็น 1. การดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่องที่เป็นความผิดทางวินัยของนายแสวง จะดำเนินการอย่างไร และจะมีผลประการใด 2. การพิจารณาดำเนินการทางวินัยของคณะกรรมการไต่สวนคณะที่ 19 ได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนใด และมีผลเป็นอย่างไร 3. ที่มีการขอทราบผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของนายนายแสวง ในรอบการประเมินที่ผ่านมาล่าสุดผลเป็นอย่างไร เพราะยังไม่มีคำตอบจากทาง กกต. และ 4. การสืบสวนไต่สวนเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการเลือก สว.2567
ที่ผ่านมา มีความชัดเจนว่ามีการใช้โพย (ใบสั่ง) ประกอบในการลงคะแนนในวันเลือกรอบประเทศ ดังนั้นการที่จะทำให้การสืบสวนไต่สวนเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงขอยืนยันให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง ในฐานะเลขาธิการ กกต.ไว้เป็นการชั่วคราว
ขณะที่หนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 8 ขอให้ 1. นำสำนวนการสืบสวนไต่สวนที่เป็นเครือข่ายเกี่ยวกับการจัดทำโพยการเลือก สว.รวมเป็นสำนวนเดียวกัน รวมทั้งขอเสนอให้นำสำนวนการร้องคัดค้านที่ พล.ต.ท.คำรบ กับคณะ รวม 112 คน ได้ร้องเรียนไว้ที่คณะสืบสวนไต่สวนที่ 18 ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
เป็นสำนวนหลักในการที่จะพิจารณาดำเนินการ แล้วสืบสวนสอบสวนพยานอื่นที่เกี่ยวข้องประกอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลที่มีสาระสำคัญจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
2. ขอให้มีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนที่มีการเก็บไว้ที่ กกต. จำนวน 40 หีบ ที่ใช้ในวันเลือกรอบประเทศ พร้อมทั้งเปิดภาพที่บันทึกในกล้องซีซีทีวี ให้สาธารณชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปได้ตรวจพิสูจน์และนำผลข้อมูลการเลือก พร้อมทั้งบัตรลงคะแนนมาเปรียบเทียบกับโพยจัดตั้ง ที่ได้มีการยึดมาได้ทั้งหมด ว่ามีหมายเลขตรงกันอย่างชัดเจน เพื่อแสดงให้เห็นว่าหมายเลขในโพยจัดตั้งทั้งหมดได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม 3. คณะ สว.สำรอง ยังคงยืนยันขอให้ทางสำนักงาน กกต. และ กกต.ปรับปรุงฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายสื่อสารองค์กร เพื่อให้มีการสื่อสารกับผู้ที่มาติดต่อและสังคมภายนอกและประชาชนทั่วไปให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้มาทวงถามการดำเนินการการยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 1 -6 มีความคืบหน้าอย่างไร รวมถึงการให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวง ผลการดำเนินงานพิจารณาตรงนี้อยู่ในขั้นใด รวมถึงขอทราบผลการประเมินว่าการทำงานที่ผ่านมาของนายแสวงเป็นอย่างไร อีกทั้งยังไม่ได้รับคำตอบใดจากทาง กกต. รวมถึงการสืบสวนถึงแม้ว่าจะมีทางดีเอสไอมาร่วมสืบสวนด้วยแต่ทิศทางในการดำเนินการในเรื่องของสำนวนต่างๆ นั้นยังไม่มีความชัดเจนที่จะเป็นการเปิดเผยจากทาง กกต.
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ข้อสำคัญคือเรื่องการเปิดหีบบัตรลงคะแนนที่มีการเก็บไว้จำนวน 40 หีบ ให้มีการตรวจสอบแต่ผ่านมาระยะเวลา 9 เดือนแล้วยังมีการดำเนินการแต่อย่างใด เราจะมีการออกมาเรียกร้องเช่นนี้อยู่อีกเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเปิดหีบตรวจสอบ อีกทั้งที่ผ่านมาเราได้ใช้วิธีส่งจดหมายเปิดผนึกและบางครั้งก็เป็นการส่งจดหมายปิดผนึก ถึงคณะกรรมการ กกต. เพราะยังไม่มีการติดต่อหรือพูดคุยจากทาง กกต.เลย ย้ำว่าหากจะมีการตอบรับ ครั้งหน้าเราจะมาเรียกร้องอีก
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ หากยังไม่มีความคืบหน้า จะฟ้องร้องการทำงานของ กกต.โดยตรงหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาคณะ สว.สำรอง ได้ไปร้องที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยได้ฟ้องนายแสวงโดยตรง เพราะทำหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะต้องปฏิบัติตามมาตรา 32 และพ่วงด้วยมาตรา 157 อีกทั้งคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ มีการนำเรื่องที่ตนได้ร้องเรียนไปสืบสวนและไต่สวนเพิ่มเติม และคงจะมีการเรียกตนเข้าไปชี้แจง
เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ รับคำร้องของ สว. ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ สิ้นสุดลงหรือไม่พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบคำร้องของ สว.แล้ว จึงได้เกิดข้อสงสัยว่า สว.ใช้สถานะอะไรในการยื่นร้อง ซึ่งมาตรา 185 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ชัดเจนว่า สส. และ สว. ต้องไม่ใช้สถานะของตนเอง แทรกแซงฝ่ายบริหารหรือฝ่ายราชการ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่นดังนั้น การยื่นร้องครั้งนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 111 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่ การขาดคุณสมบัติการเป็น สว.ทันที
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า กรณีการเปิดหีบบัตรลงคะแนน เรามีการเน้นย้ำมาตลอด แต่ยังไม่เคยมีคำตอบใด ไม่ว่าจะหีบบัตรลงคะแนนหรือกล้องซีซีทีวี ทางนายแสวงจะต้องเก็บหลักฐานไว้ เพราะเป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการเลือก สว.ซึ่งต้องดำเนินการตามมาตรา 30 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และการที่เราเรียกร้องเปิดเผยข้อมูลบัตรลงคะแนนนั้น ไม่ใช่การกระทำเกินหน้าที่ของนายแสวง รวมถึงตนได้ทราบอีกว่าทางคณะกรรมการเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ร่วมกับ กกต.ก็มีแนวคิดที่จะให้ทาง กกต.เปิดหีบตรวจสอบเช่นกัน หลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นพยานบุคคลไว้แล้ว เชื่อว่า สุดท้ายจะมีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อตรวจสอบ โดยใช้เวลาหนึ่งวันก็เพียงพอที่จะตรวจสอบและเชิญสื่อมวลชนมาตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ส่วนที่ประธาน กกต.ชี้แจงว่าจะให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของนายแสวงไม่ได้
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มีกรณีของ พ.ต.อ.มนัส นครศรี ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้ขอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการคดีวินัยนายแสวง ซึ่งการที่จะกล่าวหาได้ต้องมีมูลและหลักฐาน หลังจากนั้น ตามมาตรา 53 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีการระบุไว้ว่าหากพนักงานผู้ใดมีความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และหากมีข้อสงสัยใดให้สามารถตั้งกรรมการคดีวินัยทันที เพราะฉะนั้น กกต.จะต้องมีการดำเนินการตามข้อกล่าวหา และมีการระบุไว้ว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ก็ต้องมีการพักงานบุคคลที่โดนกล่าวหานั้นด้วย ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ก็อยู่ที่คณะกรรมการไต่สวน