น้ำเหนือหลาก - น้ำทะเลหนุน
'เจ้าพระยา' รับศึกสองด้าน
เตือนเฝ้าระวังต่อเนื่อง
สถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ต้องจับตาใกล้ชิด” อีกครั้ง หลังข้อมูลจากดาวเทียมและการสำรวจภาคพื้นดินพบว่า ปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนยังคงหลากลงสู่ภาคกลางอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูงจากอิทธิพลของน้ำขึ้น ทำให้การระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยช้ากว่าปกติ สะท้อนภาพ “น้ำเหนือ–น้ำทะเล” กำลังโอบรัดลุ่มเจ้าพระยาไว้ในวงล้อมเดียวกัน
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน เพจเฟซบุ๊ก GISTDA – สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้เผยแพร่ภาพแผนที่ดาวเทียมพร้อมข้อมูลสถานการณ์น้ำล่าสุด ระบุว่า ขณะนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย GISTDA ได้ติดตามพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจากการระบายน้ำของ เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งยังต้องเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อรองรับมวลน้ำจากตอนบนที่กำลังไหลสมทบ
ภาพแผนที่จำแนกพื้นที่ตามระดับความเสี่ยง ได้แก่ พื้นที่สีฟ้า คือ พื้นที่ที่มีน้ำท่วมในปัจจุบัน ครอบคลุมทุ่งรับน้ำท่าวุ้ง บางกุ้ง ป่าโมก บางบาล–บ้านแพน ผักไห่ เจ้าเจ็ด และโพธิ์พระยา รวมกว่า 490,000 ไร่ ซึ่งกระทบทั้งพื้นที่เกษตร ชุมชน และเส้นทางคมนาคม พื้นที่สีส้ม คือ พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มเติม หากมีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ต่อเนื่อง จะเพิ่มพื้นที่น้ำท่วมอีก 70,000–80,000 ไร่ และพื้นที่สีแดง คือ พื้นที่เสี่ยงสูง หากต้องระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,800 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้พื้นที่ถูกน้ำท่วมเพิ่มอีกกว่า 350,000 ไร่
GISTDA ระบุว่า พื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัด ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และปทุมธานี เป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากระดับน้ำอาจเพิ่มสูงและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและชุมชนริมแม่น้ำ สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ต้องเผชิญทั้งน้ำเหนือและน้ำฝนในเวลาเดียวกัน การแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญในการลดความเสียหาย” — ข้อความจากโพสต์ของ GISTDA ระบุ
ด้าน กรมชลประทาน รายงานเพิ่มเติมว่า ปริมาณฝนสะสมในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในพื้นที่ตอนบนของประเทศยังสูง โดยวัดได้มากที่สุดที่อำเภอท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 107.6 มม. อำเภอเมือง จ.อุตรดิตถ์ 103.6 มม. อำเภอศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 103.6 มม. ทำให้มวลน้ำจากภาคเหนือตอนล่างยังคงไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทานได้เดินเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำในหลายพื้นที่ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล ลดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำ ตามข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะเดียวกันสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงเริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่แล้ว โดยอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงจนเอ่อล้นเข้าท่วมถนนหลายสาย โดยเฉพาะบนถนนสาย 303 (สุขสวัสดิ์–ป้อมพระจุล) ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร มีน้ำท่วมสูง 60–90 เซนติเมตร รถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรลำบาก บางคันต้องเข็นรถฝ่าน้ำ ขณะที่ทหารเรือและเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่าได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่ออกมาช่วยรับส่งประชาชน
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกประกาศเตือนประชาชนริมชายฝั่งและลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้ระวังภาวะน้ำทะเลหนุน โดยอ้างอิงข้อมูลจาก กองสมุทรศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ระบุว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ระดับน้ำทะเลจะสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1.30–1.60 เมตร โดยเฉพาะวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่น้ำขึ้นสูงอีกวัน จึงขอให้ประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางน้ำท่วมขัง ตรวจสอบตารางน้ำขึ้น–น้ำลงล่วงหน้า วางแผนการเดินทาง และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหาย


