วธ.พร้อมจัดงานพระราชพิธี สมพระเกียรติสูงสุด
นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยถึงภารกิจหน่วยงานในสังกัด ทั้งการจัดพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล และเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่ 1.กรมการศาสนา ประสานองค์การทางศาสนาจัดพิธีตามหลักศาสนบัญญัติของเเต่ละศาสนา 2.กรมศิลปากร ดำเนินการรูปแบบพิธีการและจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมทั้งอาคารประกอบ 3.กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประสานศิลปินแห่งชาติ จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 4.หอภาพยนตร์ เผยแพร่ภาพยนตร์และสื่อเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ 5.กิจกรรมจิตอาสา 6.สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อปฏิบัติแนวทางเข้าร่วมงานพระราชพิธี ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสำนักนายกรัฐมนตรี และปรับแผนงาน-งบประมาณ ให้เหมาะสมกับกิจกรรม
เตรียมร่างแบบพระเมรุมาศ
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เผย หน่วยงานในสังกัดเตรียมดำเนินงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ได้แก่ สำนักสถาปัตยกรรม สำนักช่างสิบหมู่ สำนักจดหมายเหตุ และสำนักการสังคีต โดยให้สำนักสถาปัตยกรรมศึกษา ร่างแบบพระเมรุมาศและอาคารประกอบเบื้องต้น เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย โดยการออกแบบจะยึดตามโบราณราชประเพณี ให้สวยงาม สง่างาม สมพระเกียรติ เพื่อน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
แนวปฏิบัติมีเดียเอเยนซี่
นายภวัต เรืองเดชวรชัย นายก สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย(MAAT) ประกาศแนวทางปฏิบัติด้านสื่อและสื่อสารการตลาด ได้แก่ 1.ปรับเนื้อหา รูปแบบกิจกรรมรื่นเริงให้เหมาะสม และสมพระเกียรติ สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง 2.กิจกรรมการตลาด การสื่อสารการตลาดและโฆษณา ปรับโทนให้นุ่มนวลสํารวม ลดความสนุกสนาน ดนตรี ภาพเฉลิมฉลอง 3.การลดโทนหรือระงับการเผยแพร่โฆษณา ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ประกอบการสื่อและแบรนด์ตามสถานการณ์ และ 4.หลังครบ 15 วัน ผู้ประกอบการและแบรนด์ดําเนินกิจกรรมการตลาดได้ตามปกติ โดยคํานึงถึงความเหมาะสม
คุย "ฮุน มาเนต" ลดความขัดแย้ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยหลังลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างไทยและกัมพูชา ที่มาเลเซีย ได้คุยกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกัน นำไปสู่การบริหารจัดการความขัดแย้งให้ลดระดับลง และได้หารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประเทศไทยให้ความร่วมมือหลายเรื่องกับสหรัฐฯ อยากให้พิจารณาลดภาษีให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะหารือ USTR ต่อไป
ยังไม่ใช่เวลาเปิดด่าน
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เผย ในเอกสาร ถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศลงนาม ไม่มีเรื่องการเปิดด่านและไม่ใช่เวลานี้ ต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติ หากทั้ง 2 ฝ่าย ดำเนินการตาม 4 ข้อ ไปในทิศทางที่ดี ก็อาจพิจารณาส่งเอกอัครราชทูตกลับประเทศ โดย 4 ประเด็น ที่เราให้ความสำคัญ เชื่อลดความตึงเครียดชายแดน การถอนอาวุธหนัก ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย การกู้ทุ่นระเบิดและขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นผลประโยชน์ของประชาคมโลก ส่วนการรุกล้ำดินแดน สองฝ่ายยอมรับว่าจะบริหารอย่างสันติ


