xs
xsm
sm
md
lg

กรุงไทยคาดตลาดบอนด์ปีหน้าสวิงเข็นกองตราสารหนี้ลุยตลาดส่งท้ายปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทยคาดการณ์แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ปีหน้าผันผวน เหตุทิศทางเศรษฐกิจไทยไม่แน่ชัดจากปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ เข็น"กรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น45" กองตราสารหนี้กองใหม่เข้าตลาดส่งท้ายปีหมู เปิดไอพีโอวันแรก 18 – 25 ธ.ค.นี้


ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้สรุปภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ว่า แม้ในปี 2550 ตลาดตราสารหนี้ จะได้รับผลกระทบจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาเพื่อลดการเก็งกำไรค่าเงินบาท แต่ตลาดตราสารหนี้ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ซึ่งทำให้ราคาของตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2549 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลง 0.21 - 1.84% ทำให้ดัชนีผลตอบแทนรวมของพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Total Return Index) ปรับเพิ่มขึ้นถึง 6.32% นอกจากนี้ปริมาณการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ก็เพิ่มมากขึ้น โดย ณ 30 มิถุนายน 2550 มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ในประเทศ (Outstanding Value of Domestic Bond) มีจำนวนทั้งสิ้น 4.5 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2549 มีมูลค่า 3 ล้านล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 50%

ทั้งนี้ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ คึกคักขึ้นโดยครึ่งแรกของปี 2550 มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเทียบกับครึ่งแรกของปี 2549 ที่มีการซื้อขายเฉลี่ยวันละประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท และเฉลี่ยทั้งปี 2549 อยู่ที่วันละ 1.7 หมื่นล้านบาท

สำหรับแนวโน้มในปี 2551 คาดว่าตลาดน่าจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางที่ไม่แน่นอน จากปัจจัยทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของคู่ค้าและราคาน้ำมันที่แกว่งตัวอยู่ในระดับสูงและราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าถ้าหากเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ไม่มากนัก นอกจากนี้แนวโน้มที่ธปท.จะคงดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันก็เป็นไปได้มาก ซึ่งทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่อย่างไรก็ตามหากการสถานะการทางการเมืองมีความชัดเจน และเศรษฐกิจของคู่ค้าไม่ชะลอตัวลงมากนัก ก็จะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวและมีการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นและทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ได้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ตลอดปี 2550 บริษัทได้เน้นการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้นคุ้มครองเงินต้นและกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ส่งผลให้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยเฉพาะฐานลูกค้าจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทมีฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากจากการจำหน่ายผ่านตัวแทนสนับสนุน ซึ่งสำหรับในปีหน้า บริษัทก็คาดว่าจะยังคงเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน

สำหรับในช่วงก่อนสิ้นปีนี้ บริษัทก็จะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น45 (KTCP45 ) โดยจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน ในวันที่ 18 – 25 ธันวาคม 2550 ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 45 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถคุ้มครองเงินต้นให้กับนักลงทุน เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ซึ่งกองทุนจะลงทุนในตราสารดังกล่าวไม่น้อยกว่า 98% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการคุ้มครองเงินต้นจากการลงทุน นอกจากนี้ยังเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ซึ่งหลังหักภาษี ณ ที่จ่าย ยอดเงินต่ำกว่า 5 ล้านบาท อยู่ที่ 1.70% ต่อปี และสูงกว่า 5 ล้านบาท อยู่ที่ 1.91 % ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น