"บลจ.วรรณ"เตือน ดัชนีอ้างอิงการลงทุนใหม่ "ฟุตซี่ เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรีส์"จะเกิดได้ ต้องมีความแตกต่างจากของเดิมที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน รองรับดีมานด์ลูกค้าที่มีอยู่สูง "สมจินต์"พอใจ กองทุน ThaiDEX SET50 ETF (TDEX) กระแสตอบรับท่วมท้น รายย่อย สถาบัน ธุรกิจประกันภัย เชื่อมั่นแห่เข้ามาลงทุน เป้ายอมรวมสิ้นปีนี้ที่ 3,000 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องฝันกลางวันแน่
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะมีการจัดทำ ฟุตซี่ เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรีส์ ดัชนีอ้างอิงการลงทุนตัวใหม่ขึ้น และคาดว่าจะสามารถนำออกมาใช้ได้ในปีหน้าถือเป็นตัวเลือกที่ดีเกี่ยวกับอัตราอ้างอิงของดัชนีเบนมาร์ก ซึ่งทางบริษัทเองจะต้องนำมาศึกษาอีกครั้งตามลักษณะของดัชนีว่าจะมีความแตกต่าง และรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยที่ผ่านมาคาดว่าการทำดัชนีใหม่ในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นเสมอ
สำหรับการออกกองทุนในลักษณะ ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีนี้ทางบริษัทจะดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ว่าจะเป็นที่สนใจต่อนักลงทุนมากน้อยเพียงใด และทางบริษัทจะจัดหาเครื่องมือในการลงทุนเข้ามาช่วย โดยจะกำหนดในเรื่องของลักษณะกอง และผลตอบแทน รวมถึงความเสี่ยงออกมา ซึ่งหากมองในแง่ของนักลงทุนเชื่อว่าส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก หากดัชนีที่ออกมามีความแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด แต่ที่สำคัญนักลงทุนจะต้องมีความรู้และความเข้าใจด้วยว่าดัชนีใหม่ที่จะนำออกมานั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างไร
"หน้าที่หลักของเราคือการเตรียมเครื่องมือในการลงทุนให้กับนักลงทุน ซึ่งดัชนีที่ออกมาใหม่นี้หากมีความแตกต่างจากดัชนีเดิมที่มีอยู่แล้วนั้น ถือว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีให้นักลงทุน ซึ่งการออกกอง ETF จะต้องดูจากดีมานด์ของลูกค้าเป็นหลัก แล้วจึงนำมาจัดทำเครื่องมือในการลงทุนว่าจะมีผลตอบแทน และความเสี่ยงอย่างไร โดยหากผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตรงกับความต้องการ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง"
ส่วนการพิจารณาในการออกกองทุนของเราจะดูจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1 ดัชนีที่ออกมาว่ามีนักลงทุนรู้จักหรือให้ความสนใจติดตามหรือไม่ แล้วจึงหันมาดูในส่วนที่ 2 คือ เมื่อนักลงทุนรู้จักแล้วจะมีความต้องการเครื่องมือในการลงทุนในลักษณะไหน และสามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไร จึงเป็นเเหตุผลให้บลจ.วรรณ จะต้องมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วค่อยนำมาประเมินต่อไป
นายสมจินต์ กล่าวอีกว่า การเปิดขายกองทุน ThaiDEX SET50 ETF (TDEX) ที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้าน ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่านักลงทุนคงจะมีความเข้าใจและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากขึ้น จากการที่มีสภาพคล่องในการลงทุนสูงทำให้นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนกับหุ้นจะเข้ามาลงทุนในกองทุนนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่เคยลงทุนผ่านหุ้นแล้วนั้นจะมีการโยกเงินมาลงทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน และจะทำให้ TDEX เป็นที่รู้จักและมีการพัฒนามากขึ้นต่อไปในอนาคต
"นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองนี้ก็มีจำนวน และความหลากหลายมากขึ้น และมีทั้ง นักลงทุนธรรมดา สถาบัน และกลุ่มธุรกิจประกันภัย หลังจากที่ในช่วงเปิดไอพีโอจะมีนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เป็นสถาบันถึง 80% ส่วนสถานการณ์หลังนี้เชื่อว่า TDEX จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้น และทำให้เป้าที่เคยตั้งไว้ 3 พันล้านบาทในช่วงสิ้นปีนี้เป็นไปได้ตามที่คาดการณ์ ขณะที่การประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมตัวนำกองทุนนี้ไปซื้อขายในตลาดต่างประเทศคงจะทำได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า"นายสมจินต์กล่าว
ทั้งนี้ การจัดทำ ฟุตซี่ เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรีส์ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา โดยคาดว่าจะมี 6 ชุดด้วยกันประกอบด้วย กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดกลาง กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดเล็ก กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก กลุ่มดัชนีรวม และกลุ่มดัชนีที่เหลือจากการคำนวณในดัชนีรวม ซึ่งทาง ตลท.คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณเดือน มีนาคม ของปีหน้าก่อนที่จะส่งเสริมให้บลจ.ต่างๆ ออกกองทุนในหลักลักษณะอีทีเอฟ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ต่อไป
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะมีการจัดทำ ฟุตซี่ เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรีส์ ดัชนีอ้างอิงการลงทุนตัวใหม่ขึ้น และคาดว่าจะสามารถนำออกมาใช้ได้ในปีหน้าถือเป็นตัวเลือกที่ดีเกี่ยวกับอัตราอ้างอิงของดัชนีเบนมาร์ก ซึ่งทางบริษัทเองจะต้องนำมาศึกษาอีกครั้งตามลักษณะของดัชนีว่าจะมีความแตกต่าง และรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยที่ผ่านมาคาดว่าการทำดัชนีใหม่ในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นเสมอ
สำหรับการออกกองทุนในลักษณะ ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีนี้ทางบริษัทจะดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ว่าจะเป็นที่สนใจต่อนักลงทุนมากน้อยเพียงใด และทางบริษัทจะจัดหาเครื่องมือในการลงทุนเข้ามาช่วย โดยจะกำหนดในเรื่องของลักษณะกอง และผลตอบแทน รวมถึงความเสี่ยงออกมา ซึ่งหากมองในแง่ของนักลงทุนเชื่อว่าส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก หากดัชนีที่ออกมามีความแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด แต่ที่สำคัญนักลงทุนจะต้องมีความรู้และความเข้าใจด้วยว่าดัชนีใหม่ที่จะนำออกมานั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างไร
"หน้าที่หลักของเราคือการเตรียมเครื่องมือในการลงทุนให้กับนักลงทุน ซึ่งดัชนีที่ออกมาใหม่นี้หากมีความแตกต่างจากดัชนีเดิมที่มีอยู่แล้วนั้น ถือว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีให้นักลงทุน ซึ่งการออกกอง ETF จะต้องดูจากดีมานด์ของลูกค้าเป็นหลัก แล้วจึงนำมาจัดทำเครื่องมือในการลงทุนว่าจะมีผลตอบแทน และความเสี่ยงอย่างไร โดยหากผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตรงกับความต้องการ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง"
ส่วนการพิจารณาในการออกกองทุนของเราจะดูจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1 ดัชนีที่ออกมาว่ามีนักลงทุนรู้จักหรือให้ความสนใจติดตามหรือไม่ แล้วจึงหันมาดูในส่วนที่ 2 คือ เมื่อนักลงทุนรู้จักแล้วจะมีความต้องการเครื่องมือในการลงทุนในลักษณะไหน และสามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไร จึงเป็นเเหตุผลให้บลจ.วรรณ จะต้องมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วค่อยนำมาประเมินต่อไป
นายสมจินต์ กล่าวอีกว่า การเปิดขายกองทุน ThaiDEX SET50 ETF (TDEX) ที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้าน ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่านักลงทุนคงจะมีความเข้าใจและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากขึ้น จากการที่มีสภาพคล่องในการลงทุนสูงทำให้นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนกับหุ้นจะเข้ามาลงทุนในกองทุนนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่เคยลงทุนผ่านหุ้นแล้วนั้นจะมีการโยกเงินมาลงทุนเพิ่มด้วยเช่นกัน และจะทำให้ TDEX เป็นที่รู้จักและมีการพัฒนามากขึ้นต่อไปในอนาคต
"นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองนี้ก็มีจำนวน และความหลากหลายมากขึ้น และมีทั้ง นักลงทุนธรรมดา สถาบัน และกลุ่มธุรกิจประกันภัย หลังจากที่ในช่วงเปิดไอพีโอจะมีนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เป็นสถาบันถึง 80% ส่วนสถานการณ์หลังนี้เชื่อว่า TDEX จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้น และทำให้เป้าที่เคยตั้งไว้ 3 พันล้านบาทในช่วงสิ้นปีนี้เป็นไปได้ตามที่คาดการณ์ ขณะที่การประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมตัวนำกองทุนนี้ไปซื้อขายในตลาดต่างประเทศคงจะทำได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า"นายสมจินต์กล่าว
ทั้งนี้ การจัดทำ ฟุตซี่ เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรีส์ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา โดยคาดว่าจะมี 6 ชุดด้วยกันประกอบด้วย กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดกลาง กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดเล็ก กลุ่มดัชนีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก กลุ่มดัชนีรวม และกลุ่มดัชนีที่เหลือจากการคำนวณในดัชนีรวม ซึ่งทาง ตลท.คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณเดือน มีนาคม ของปีหน้าก่อนที่จะส่งเสริมให้บลจ.ต่างๆ ออกกองทุนในหลักลักษณะอีทีเอฟ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ต่อไป