บลจ.เอ็มเอฟซี จ่ายเงินปันผลเอ็มเอฟซี-นิชดาธานีครั้งที่ 9 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.168 บาท ผู้ถือหน่วยรับทรัพย์พร้อมกัน 26 พฤศจิกายนนี้ เผยตั้งแต่จัดตั้งกองจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผลไปแล้วกว่า 134 ล้านบาท พร้อมระบุหลังเพิ่มทุน ผลตอบแทนขยับขึ้นเป็น 6.8%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้จัดการกองทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) ได้พิจารณาและเห็นสมควรให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับงวดบัญชีวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 - 30 กันยายน 2550 ในอัตรา 0.168 บาทต่อหน่วย และได้กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.00 น. โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2550
สำหรับการจ่ายปันผลของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานีในครั้งนี้ เป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นเงินที่จ่ายปันผลไปทั้งหมดประมาณ 134.456 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ กองทุนได้จ่ายปันผลครั้งล่าสุดสำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 เมษายน 2550 – 30 มิถุนายน 2550 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.17 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานีมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ บวก/หักกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (แล้วแต่กรณี) ของโครงการในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล และไม่น้อยกว่าร้อยละ 90ของกำไรสุทธิประจำปี หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมได้นั้น
ด้านนายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 ว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี มีผลกำไรสุทธิ 23.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 10.929 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.17 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน กองทุนมีกำไรสุทธิ 95.338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 85.914 ล้านบาท โดยกองทุนมีกำไรสุทธิต่อหุ้นในงวด 9 เดือนอยู่ที่ 0.69 บาท
สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 5 รายแรก ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 21 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วย 1.บริษัท นิชดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 31,574,200 หน่วยหรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 22.88% 2.ธนาคารออมสิน จำนวน 10,000,000 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน 7.25% 3.บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 6,000,000 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4.35% 4.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว จำนวน 5,000,000 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.62% และ5. ดร. ปราณี เผอิญโชค จำนวน 4,888,700 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 3.54%
รายงานข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% จากเดิม 6.2% ภายหลังจากการเพิ่มทุน โดยกองทุนดังกล่าว ลงทุนในสิทธิการเช่าของเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์โครงการนิชดาธานี ด้วยการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่ อาคาร Lakeshore-North (A2) และอาคาร Lakeshore-West (A3) ซึ่งการเพิ่มทุนของกองทุนนั้น เป็นการลงทุนในโครงการบ้านเดี๋ยว 2 โครงการ คือ โครงการ Sunshine Place และ Raintree จำนวน โครงการละ 20 หลัง ในโครงการนิชดาธานีเช่นเดียวกัน โดยหลังจากการเพิ่มทุนอีก 670 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการรวม 1,380 ล้านบาทในปัจจุบัน
สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เพิ่มอีก 1 กองทุน มูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนนั้น เป็นสินทรัพย์ประเภทฟรีโฮลหรือการลงทุนที่ได้กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นๆ โดยกองทุนจะลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจการโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร พัทยา และหัวหิน ทั้งนี้ กองทุนคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 7-8% ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนสุทธิจากการเงินปันผลอย่างเดียว โดยยังไม่รวมราคาสินทรัพย์ที่จะเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้จัดการกองทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) ได้พิจารณาและเห็นสมควรให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับงวดบัญชีวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 - 30 กันยายน 2550 ในอัตรา 0.168 บาทต่อหน่วย และได้กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา 12.00 น. โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2550
สำหรับการจ่ายปันผลของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานีในครั้งนี้ เป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นเงินที่จ่ายปันผลไปทั้งหมดประมาณ 134.456 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ กองทุนได้จ่ายปันผลครั้งล่าสุดสำหรับรอบระยะเวลา วันที่ 1 เมษายน 2550 – 30 มิถุนายน 2550 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.17 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานีมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้จากการลงทุนสุทธิ บวก/หักกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น (แล้วแต่กรณี) ของโครงการในแต่ละงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผล และไม่น้อยกว่าร้อยละ 90ของกำไรสุทธิประจำปี หรืออาจพิจารณาจ่ายจากกำไรสะสมได้นั้น
ด้านนายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 ว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี มีผลกำไรสุทธิ 23.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 10.929 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.17 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน กองทุนมีกำไรสุทธิ 95.338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 85.914 ล้านบาท โดยกองทุนมีกำไรสุทธิต่อหุ้นในงวด 9 เดือนอยู่ที่ 0.69 บาท
สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 5 รายแรก ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 21 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วย 1.บริษัท นิชดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 31,574,200 หน่วยหรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 22.88% 2.ธนาคารออมสิน จำนวน 10,000,000 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน 7.25% 3.บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 6,000,000 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4.35% 4.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว จำนวน 5,000,000 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.62% และ5. ดร. ปราณี เผอิญโชค จำนวน 4,888,700 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 3.54%
รายงานข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% จากเดิม 6.2% ภายหลังจากการเพิ่มทุน โดยกองทุนดังกล่าว ลงทุนในสิทธิการเช่าของเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์โครงการนิชดาธานี ด้วยการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ได้แก่ อาคาร Lakeshore-North (A2) และอาคาร Lakeshore-West (A3) ซึ่งการเพิ่มทุนของกองทุนนั้น เป็นการลงทุนในโครงการบ้านเดี๋ยว 2 โครงการ คือ โครงการ Sunshine Place และ Raintree จำนวน โครงการละ 20 หลัง ในโครงการนิชดาธานีเช่นเดียวกัน โดยหลังจากการเพิ่มทุนอีก 670 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการรวม 1,380 ล้านบาทในปัจจุบัน
สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เพิ่มอีก 1 กองทุน มูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนนั้น เป็นสินทรัพย์ประเภทฟรีโฮลหรือการลงทุนที่ได้กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นๆ โดยกองทุนจะลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจการโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร พัทยา และหัวหิน ทั้งนี้ กองทุนคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 7-8% ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนสุทธิจากการเงินปันผลอย่างเดียว โดยยังไม่รวมราคาสินทรัพย์ที่จะเพิ่มขึ้น