พระบรมฉายาลักษณ์อันทรงคุณค่าของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ขณะประทับในรถยนต์พระที่นั่ง Mercedes-Benz 300 SL Gullwing รถสปอร์ตระดับตำนานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “รถสปอร์ตแห่งศตวรรษ” โดดเด่นด้วยประตู “ปีกนก” อันเป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะสูงสุดในยุค 1950s ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในรถคลาสสิกที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
Mercedes-Benz 300 SL Gullwing คือหนึ่งในรถสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ รถรุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในด้านรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในยุคหลังสงครามโลก และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความสำเร็จในสนามแข่งกับความหรูหราบนท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
รากฐานของ 300 SL นั้นมาจากรถแข่งรุ่น W194 ในปี ค.ศ.1952 (SL ย่อมาจาก Sport Leicht หรือ Super Light) ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในสนามแข่งระดับโลก เช่น Le Mans 24 ชั่วโมง และ Carrera Panamericana ที่เม็กซิโก
ความสำเร็จนี้ดึงดูดความสนใจของ Max Hoffman ผู้นำเข้า Mercedes-Benz ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมองเห็นศักยภาพของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในตลาดอเมริกา เขาจึงเรียกร้องให้มีการผลิตรถรุ่นนี้ในเวอร์ชันสำหรับถนนสาธารณะ จนนำไปสู่การเปิดตัว 300 SL (W198) เป็นครั้งแรกในงาน New York International Motor Sports Show ปี ค.ศ.1954
จุดเด่นที่กลายเป็นที่จดจำมากที่สุดของ 300 SL คือ "ประตูปีกนก" (Gullwing Doors) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการออกแบบเน้นความหวือหวาเท่านั้น หากแต่เป็นผลลัพธ์ทางวิศวกรรมอันกล้าหาญและชาญฉลาด เนื่องจากตัวรถถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างแบบ Tubular Spaceframe ที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ
แต่โครงสร้างนี้จำเป็นต้องมีคานด้านข้างที่สูงมาก เพื่อรักษาความแข็งแกร่งเชิงบิด (Torsional Rigidity) ทำให้ไม่สามารถติดตั้งประตูแบบเปิดข้างตามปกติได้ วิศวกรจึงต้องออกแบบให้ประตูเปิดขึ้นด้านบน ทำให้ 300 SL กลายเป็นรถยนต์คันแรกที่นำประตูชนิดนี้มาใช้ในรถยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายจริง สะท้อนถึงคุณค่าทางนวัตกรรมที่กล้าคิดนอกกรอบได้เป็นอย่างดี
300 SL ยังเป็นรถโปรดักชันรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct Fuel Injection) จาก Bosch แทนที่ระบบคาร์บูเรเตอร์แบบดั้งเดิม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงแล้ว เพิ่มพละกำลังจากเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ให้สูงถึง 215 แรงม้า (ในบางเวอร์ชัน) ทำให้ 300 SL สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม. และถูกบันทึกว่าเป็น "รถยนต์โปรดักชันที่เร็วที่สุดในโลก" ณ ขณะนั้น
ต่อมาในยุคทศวรรษ 1950 หลังจากการฟื้นตัวของสงคราม Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและรสนิยมที่เหนือระดับ เนื่องจากตัวรถมีราคาสูงถึง 29,000 ดอยช์มาร์ค เทียบกับรถซาลูนรุ่น 220 ที่มีราคาเพียง 12,500 ดอยช์มาร์ค จึงทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นที่ต้องการในหมู่ชนชั้นสูง นักธุรกิจ และดาราฮอลลีวูดมากมาย
อย่างไรก็ตาม Mercedes-Benz 300 SL Gullwing มีการผลิตขึ้นเพียง 1,400 คันตลอดช่วงปี ค.ศ. 1954 - 1957 และมีรุ่นตัวถังอะลูมิเนียมเพียง 29 คัน ผนวกกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์และนวัตกรรม ทำให้ 300 SL กลายเป็นหนึ่งในรถคลาสสิกที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยในปี 1999 มันได้รับการโหวตจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญนานาชาติให้เป็น "รถสปอร์ตแห่งศตวรรษ" (Sports Car of the Century)
Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานรถสปอร์ตตระกูล SL เท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของยุคสมัยที่การออกแบบ สุนทรียศาสตร์ และวิศวกรรมก้าวหน้ามาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มันยังคงเป็นไอคอนที่ทรงอิทธิพลและเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ : พระบรมฉายาลักษณ์อันทรงคุณค่าของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ขณะประทับในรถยนต์พระที่นั่ง Mercedes-Benz 300 SL Gullwing


