ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทัพเรือภาค 1 จับเรือน้ำมันPHOENIX ขนดีเซลหมื่นลิตรขณะทิ้งสมอทางทิศใต้ของเกาะเสม็ดพบความผิดหลายกระทง เบื้องต้น เจ้าท่าภูมิภาค 6 สั่งปรับและห้ามใช้เรือ 2 ส่วนพฤติกรรมการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล
วันนี้ (29 ธ.ค.) กองทัพเรือ โดย พลเรือโท เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่1 บูรณาการร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค1 (ศรชล.ภาค1)เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ กรมสรรพสามิตร สำนักเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา สภ.สัตหีบ และกรมศุลกากร ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ํามันM/T PHOENIXพร้อมน้ํามันดีเซลประมาณ10,000 ลิตร เพื่อตรวจสอบการกระทําความผิด
การจับกุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากที่ กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่1ปฏิบัติการตามคำสั่งจักรพงศ์ภูวนารถ682 ในการป้องกันอาณาเขตทางทะเลของไทย ไม่ให้เรือของประเทศกัมพูชารุกล้ำเข้ามาและยับยั้งไม่ให้เรือไทยบรรทุกน้ำมัน และยุทธปัจจัยส่งให้กัมพูชา ซึ่งการปฏิบัติที่ผ่านมา ทัพเรือภาคที่1จัดเรือและอากาศยานตรวจการณ์ในอ่าวไทยเป็นประจำ ตลอดจน
ได้บูรณาการกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ และกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ให้กับผู้ประกอบการเรือไทย
กระทั่งเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ออกลาดตระเวนในพื้นที่อ่าวไทย ได้ตรวจพบเรือบรรทุกน้ำมันพฤติกรรมน่าสงสัย ไม่แสดงชื่อเรือ และเลขทะเบียนเรือ ไม่ชักธง แสดงสัญชาติ และไม่เปิดระบบแสดงตนเองAISจอดเรือทิ้งสมอบริเวณระยะ 50 ไมล์ทะเล หรือ 90 กิโลเมตร ทางทิศใต้ของเกาะเสม็ด
จึงตัดสินใจส่งชุดเจ้าหน้าที่ขึ้นตรวจเยี่ยมสอบถามข้อมูลและขอตรวจสอบเอกสาร โดยพบบนเรือลำดังกล่าวมีกำลังพล 8 นาย เป็นคนไทย 3 คน เมียนมา 1 คน กัมพูชา 4 คน ไม่มีเอกสารการทำงาน ไม่มีหนังสือเดินทางคนประจำเรือให้การวกวนมีพิรุธ ไม่สอดคล้องกัน ไม่มีเอกสารสำคัญประจำเรือ ในระวางของเรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ประมาณ 10,000 ลิตร
เบื้องต้น ไต๋เรือ ให้การว่าได้มารับจ้างขับเรือไปรับน้ำมันจากกลางทะเล น่านน้ำมาเลเซีย เพื่อนำกลับเข้าน่านน้ำไทยโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำมันจะถูกนําไปใช้ทำอะไร
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมเรือเข้าเทียบท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการสอบสวน
และตรวจสอบเอกสารหลักฐานของเรือและสอบสวนคนประจำเรืออย่างละเอียด พบว่ามีความผิดหลายกรณีแบ่งเป็น
1.ความผิดตาม พรบ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และแก้ไขเพิ่มเติมประกอบด้วย ใช้เรือที่ใบอนุญาตหมดอายุ ไม่เขียนชื่อเรือ และหมายเลขใบอนุญาต ใช้เรือผิดเงื่อนไข ผู้ทำการในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวน สนง.เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เจ้าท่าภูมิภาค 6 สั่งปรับและห้ามใช้เรือ
2.ความผิดตาม พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 จึงส่งดำเนินคดีที่ สภ.สัตหีบ
โดยในส่วนของพฤติกรรมการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผล และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมฝากถึงขบวนการที่ลักลอบขนส่งน้ำมันเข้าประเทศโดยหลบเลี่ยงภาษี หรือน้ำมันเถื่อน ว่าทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานภายใต้การบูรณาการของ ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ยังคงเข้มงวดกวดขันติดตามตรวจสอบ และจะดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดี


