xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านสระแก้วดีใจเก็บข้าวของรอ หลัง กกล.บูรพา ให้กลับเข้าพื้นที่ได้ 31 ธ.ค.นี้ยกเว้น 4อำเภอเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สระแก้ว- ชาวบ้านสระแก้วดีใจ รอวันกลับบ้านหลัง กกล.บูรพา ประกาศให้กลับได้ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ยกเว้นพื้นที่ 4 อำเภอเสี่ยง เผยอยากกลับไปดูไร่อ้อยที่ถูกไฟไหม้ แต่ก็ไม่ไว้ใจเขมรหวั่นเล่นไม่ซื่อ

ภายหลังจากที่ กองกำลังบูรพา และ จ.สระแก้ว ได้กำหนดแนวทางการอพยพประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนให้กลับเข้าที่พักอาศัยของตนเองภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยคำนึงถึงบริบทพื้นที่และความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งประชาชนสามารถกลับเข้าพื้นที่พักอาศัยได้ ตั้งแต่ 31 ธ.ค.68 เป็นต้น  แต่ยังคงยกเว้นพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านตาพระยา บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเคลียร์พื้นที่ก่อนนั้น

วันนี้ ( 29 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.สระแก้ว ว่าแม้จะมีการลงนามหยุดยิงระหว่างไทย- กัมพูชา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ก็ยังคงอยู่ในช่วงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดต่อเนื่องเป็นเวลา 72 ชั่วโมง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังไม่อนุญาตให้ประชาชนอพยพ กลับเข้าไปยังพื้นที่เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด รวมถึงเศษซากกระสุนจากอาวุธสงครามที่ตกหล่นกระจายอยู่ภายในหลายชุมชน

และจากการลงสำรวจบรรยากาศภายในศูนย์อพยพแห่งหนึ่งของ จ.สระแก้ว พบว่าประชาชนเริ่มผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด หลังเสียงปืนและเสียงระเบิดสงบ ชาวบ้านหลายครอบครัว มีสีหน้าดีใจ บางส่วนเริ่มเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เตรียมสัมภาระขึ้นรถเพื่อรอวันที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน


ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่า ผู้อพยพบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับไปอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านเรือนของตนเองแล้ว แต่ยังไม่กล้าเข้าไปภายในตัวบ้าน เนื่องจากเกรงว่าอาจมีวัตถุระเบิดหรือกระสุนที่ยังไม่ระเบิดตกค้างอยู่ และยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยของสถานการณ์

คุณยายนารี ธรรมลิขิต อายุ 65 ปีชาว อ. โคกสูง บอกว่าวันนี้ได้อาบน้ำ แต่งตัวและจัดเตรียมข้าวของไว้ล่วงหน้า เพื่อรอวันที่จะได้กลับบ้าน แต่แม้จะมีการหยุดยิงแล้วก็ยังไม่ไว้วางใจ สถานการณ์ฝั่งเขมร และยังมีความหวาดระแวงอยู่เนื่องจากเหตุปะทะกันที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และรวดเร็ว

“ รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ทหารไทย สามารถยึดคืนพื้นที่กลับมา เป็นของประเทศไทยได้ เพราะของของเรา ยังไงมันก็ต้องกลับมาเป็นของของเรา” คุณยายนารี กล่าว

คุณยายนารี ธรรมลิขิต  ชาว อ. โคกสูง
เช่นเดียวกับ นายโสรัตน์ ชิดนอก อายุ 55 ปี ชาวบ้านอ่างศิลาซึ่งมีพื้นที่ติดกับบ้านหนองจาน หนองหญ้า ที่บอกว่าในช่วงที่มีการสู้รบ กระสุนจรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชาได้ตกลงในพื้นที่ป่าอ้อยใกล้หมู่บ้านฯ จนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ไร่อ้อยเป็นบริเวณกว้าง สร้างความเสียหายมากกว่า 3,000 ไร่ เกษตรกรจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

และหากได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน สิ่งแรกที่ตนเองตั้งใจจะทำก็คือการรีบเข้าไปตัดอ้อยทันที เพราะแม้ว่าไร่อ้อยจะถูกไฟไหม้เสียหายไปแล้วบางส่วน แต่ก็อยากเข้าไปตรวจสอบว่ายังพอมีผลผลิตหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ เพื่อจะได้ประคองชีวิตและครอบครัวต่อไป

“ ยังคงไม่ไว้วางใจสถานการณ์และยังกลัวว่าอาจต้องอพยพเป็นครั้งที่ 3 หากเกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก จึงขอฝากความหวังไปยังรัฐบาลว่า ขอให้สร้างแนวกำแพงหรือแนวเขตแดน ที่ชัดเจนตลอดแนวชายแดน จ.สระแก้ว โดยเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกในอนาคต และยังเป็นการสร้างความมั่นใจ ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนอีกด้วย” นายโสรัตน์ กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น