สมุทรสงคราม - วช. ลงพื้นที่ติดตามศูนย์วิจัยชุมชนตำบลแควอ้อม จ.สมุทรสงคราม ชูผลสำเร็จพลิกสวนลิ้นจี่อายุ 200 ปี เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ นำงานวิจัยต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลผลิต ดันรายได้ชุมชนพุ่งกว่า 10 ล้านบาท พร้อมวางแผนพัฒนาเกษตร–ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
วันนี้( 21 ธ.ค.) ที่สวนลิ้นจี่ 200 ปี ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ดร.รวิธร ฐานัสสกุล ประธานตรวจติดตามการดำเนินงานศูนย์วิจัยชุมชน การบริหารจัดการเครือข่ายวิจัยภูมิภาค ภาคกลาง ประจำปี 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินงานศูนย์วิจัยชุมชนตำบลแควอ้อม โดยมี นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานศูนย์ฯ และสมาชิกให้การต้อนรับ
นายชัยยันต์ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของศูนย์ฯ ที่มุ่งเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยหนึ่งในผลงานเด่น คือ การร่วมกับชุมชนและหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดสมุทรสงคราม จัดงาน “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมและของดีสมุทรสงคราม ปี 2568” ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2568 ณ วัดบางเกาะเทพศักดิ์ สร้างรายได้หมุนเวียนตลอดฤดูกาลกว่า 10 ล้านบาท มีประชาชนได้รับประโยชน์ราว 1,000 คน
ในด้านการใช้ความรู้และเทคโนโลยี ศูนย์ฯ ได้พัฒนาองค์ความรู้ด้านการยืดอายุลิ้นจี่หลังการเก็บเกี่ยว ช่วยรักษาคุณภาพผลผลิต สามารถจัดส่งถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ภายใน 1–3 วัน ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และรายได้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับก่อนเริ่มโครงการ
นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีการจำหน่ายออนไลน์ควบคู่กับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และระบบขนส่งมาใช้จริง สร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชนราว 500,000 บาท โดยการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, TikTok และ Line เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมพัฒนาไม่น้อยกว่า 10 คน
ด้าน ดร.รวิธร กล่าวว่า จากการติดตามประเมินผล พบว่าศูนย์วิจัยชุมชนตำบลแควอ้อมมีความเข้มแข็ง สามารถนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาตอบโจทย์การพัฒนาเกษตรและเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม วช.จะนำข้อมูลไปใช้ในการยกระดับศูนย์วิจัยชุมชนทั่วประเทศในปี 2569 และสนับสนุนงานวิจัยด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แผนงานในอนาคต นายชัยยันต์ เปิดเผยว่า ช่วงปี 2568–2569 ศูนย์ฯ เตรียมดำเนินโครงการวิจัยแก้ไขปัญหาลิ้นจี่ออกดอกแล้วไม่ติดผล ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผลักดันการจัดเทศกาลลิ้นจี่ หรือเทศกาลส้มโอและของดีสมุทรสงครามในปี 2569 ควบคู่การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร เชื่อมโยงลิ้นจี่ ส้มโอ มะพร้าว และวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
