อุดรธานี - เพื่อนร่วมรบ พลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน หรือเอสโซ่ เผยแพร่คลิปที่เห็นแล้วสะเทือนใจขณะพยายามช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจพลทหาร วสันต์อย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนตึงเครียดเสียงปืนที่ดังสนั่นต่อเนื่อง
จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีรายงานการสูญเสียกำลังพลเพิ่มขึ้น โดยมียอดทหารพลีชีพแล้วรวม 21 นาย สำหรับทหารที่เสียชีวิตรายล่าสุด คือ พลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน ชื่อเล่นเอสโซ่ สังกัดค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (ร.13 พัน.3) ลูกหลานชาวอุดรธานี ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเทื่อม ต.เขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จากการปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเพื่อนทหารและพี่น้องร่วมรบ ชื่อบัญชี Supakorn Thaopha ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจจากพี่น้องและเพื่อนทหารในพื้นที่ปฏิบัติการ เป็นภาพขณะพยายามช่วยชีวิตและปั๊มหัวใจพลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน อย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในแนวหน้า
โดยเพื่อนทหารได้โพสต์คลิปดังกล่าวพร้อมข้อความไว้อาลัย ระบุว่า ได้พยายามยื้อชีวิตกันอย่างเต็มที่ พร้อมเล่าย้อนถึงการร่วมรบกันตั้งแต่การปะทะรอบแรก และเคยพูดคุยกันเสมอว่าจะต้องรอดกลับบ้านไปด้วยกัน แต่สุดท้ายต้องมาสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปก่อน พร้อมกล่าวอำลาให้หลับพักผ่อนอย่างสงบ และยืนยันว่าพลทหาร วสันต์ได้ทำหน้าที่ของชายชาติทหารอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว
ในข้อความยังระบุด้วยว่า พลทหาร วสันต์เป็นทหารที่มีความสามารถในการรบ ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมหน่วย เป็นหนึ่งในกำลังหลักที่ทุกคนเชื่อมั่น และสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างกล้าหาญ ไม่เสียชื่อสมญานามของหน่วย พร้อมติดแฮชแท็ก “ทหารเสือพระองค์ดำ” และ “สดุดีทหารกล้า พลีชีพรายที่ 21”
สำหรับพลทหาร วสันต์ ขานหัวโทน ชื่อเล่น “เอสโซ่” สังกัดกองพันทหารราบที่ 13 พัน.3 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ เป็นลูกหลานชาวบ้านเทื่อม ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี การจากไปของเขาสร้างความโศกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งแก่ครอบครัว เพื่อนทหาร และประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ชาวโซเชียลมีเดียจำนวนมากได้ร่วมแสดงความอาลัย พร้อมข้อความสดุดีความกล้าหาญของทหารแนวหน้าผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ภายใต้ถ้อยคำที่สะท้อนหัวใจของทหารไทยว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”


