อ่างทอง - มะม่วงอ่างทองราคาขยับรับอานิสงส์มาตรการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทำผลผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไม่ได้ ความต้องการในประเทศเพิ่ม เกษตรกรคาดฤดูกาลนี้ได้ราคาดี หน่วยงานรัฐเร่งผลักดันรวมกลุ่มแปลงใหญ่-ยกระดับมาตรฐาน GAP สร้างความยั่งยืน
วันนี้( 17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวินดา เหลี่ยมสมบัติ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอ่างทอง นายสุรพงษ์ เนตรพระ เกษตรจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วย นายเสกสม แจ้งจิต ประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง และเกษตรอำเภอโพธิ์ทอง รวมถึงเกษตรอำเภอวิเศษชัยชาญ ลงพื้นที่สวนมะม่วงแปลงใหญ่ในตำบลรำมะสัก อำเภอโพธิ์ทอง และตำบลสาวร้องไห้ อำเภอวิเศษชัยชาญ เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ฤดูผลผลิต
จากการลงพื้นที่พบว่า สภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มะม่วงติดช่อและออกดอกได้ดี คาดว่าผลผลิตในปีนี้จะอยู่ในระดับที่น่าพอใจของเกษตรกร ขณะเดียวกันราคามะม่วงหน้าสวนมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากทั้งปัจจัยด้านฤดูกาลและมาตรการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทำให้มะม่วงจากประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ ส่งผลให้ความต้องการมะม่วงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น
ด้านนายสำเริง ครองตน และนางนงนุช แต่งงาม รองประธานแปลงใหญ่มะม่วงตำบลรำมะสัก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า เกษตรกรต้องการให้ภาครัฐพิจารณางดการนำเข้ามะม่วงจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือหากมีความจำเป็นต้องนำเข้า ก็ควรจำกัดโควตาให้น้อยที่สุด เนื่องจากผลผลิตในประเทศมีเพียงพออยู่แล้ว หากมีการนำเข้าในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน จะทำให้ราคามะม่วงตกต่ำเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ เกษตรกรระบุว่า เนื่องจากเป็นการปิดด่านครั้งแรก จึงยังไม่สามารถประเมินผลระยะยาวได้ชัดเจน แต่หากในช่วงฤดูผลผลิตหลักเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2569 ราคามะม่วงหน้าสวนยังคงอยู่ในระดับ “เลขสองหลัก” ไม่กลับไปเป็น “หลักเดียว” เหมือนปีที่ผ่านมา ก็ถือได้ว่ามาตรการปิดด่านชายแดนมีผลในเชิงบวกอย่างชัดเจน
นายสุรพงษ์ เนตรพระ เกษตรจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า เสียงสะท้อนจากเกษตรกรในครั้งนี้ จะนำเสนอไปยังหน่วยงานระดับสูงเพื่อประกอบการพิจารณานโยบาย พร้อมย้ำให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มในรูปแบบแปลงใหญ่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านองค์ความรู้ การลดต้นทุนปัจจัยการผลิต และการพัฒนาคุณภาพผลผลิต
ขณะที่นางวินดา เหลี่ยมสมบัติ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอ่างทอง ยืนยันว่า หน่วยงานในสังกัดพร้อมสนับสนุนการหาตลาดรองรับผลผลิตให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกษตรกรได้รับมาตรฐาน GAP ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ขยายช่องทางการตลาด และทำให้ผลผลิตมีมูลค่าสูงขึ้น อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรรมในระยะยาว


